วิกฤตชาติ! วิโรจน์ เตือนภัย “ศูนย์เหรียญ” ลามหนัก! เงินสกปรกฟอกขาว ทุบธุรกิจไทยย่อยยับ! จี้ ป.ป.ช. ลากคอข้าราชการเอื้อประโยชน์ ก่อนไทยตกเป็น “เมืองขึ้นทางเศรษฐกิจ”!
เมื่อวันที่ 23 เม.ย.นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชนได้โพสต์ข้อความระบุว่า
รู้จักกับวงจรมหันตภัยศูนย์เหรียญ ถ้าไม่เร่งแก้ ธุรกิจไทยจะเจ๊งกันหมด ]
…………………………
ผมคิดว่า คนไทยคงเคยได้ยินคำว่า #ศูนย์เหรียญ กันจนคุ้นหู ไม่ว่าจะเป็น ทัวร์ศูนย์เหรียญ คอนโดศูนย์เหรียญ โรงงานศูนย์เหรียญ หรือมหาวิทยาลัยศูนย์เหรียญ
.
📂คำว่า ศูนย์เหรียญ ก็คือ การที่กลุ่มทุนจีนเทากลุ่มหนึ่ง (📋Note: อย่าเหมารวมนะครับ เพราะนักลงทุนชาวจีนที่ดีก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก และนักลงทุนชาวจีนที่ดีๆ ก็ถูกกลุ่มจีนเทาเหล่านี้ข่มขู่ คุกคามด้วยซ้ำครับ) เข้ามาเอารัดเอาเปรียบสูบผลประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศไทย โดยที่ประเทศของเราแทบจะไม่ได้อะไรเลย ภาษีก็เก็บได้น้อยมากๆ การจ้างงานคนไทยก็น้อยนิด การพัฒนา Supply Chain จากการจัดซื้อวัตถุดิบภายในประเทศ ก็แทบจะไม่มี
.
😱การที่กลุ่มทุนจีนกลุ่มนี้ (📋Note: ย้ำว่าแค่กลุ่มหนึ่ง) ทำแบบนี้ได้ ก็เพราะความเชื่อที่ว่า “ประเทศไทย ขอให้มีเงินติดสินบนข้าราชการให้มากพอ จ่ายให้ถูกตัว จ่ายให้ครบตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะ ใบอนุญาตอะไรก็ขอได้ ทำผิดกฎหมายยังไงก็ไม่ถูกดำเนินคดี” ซึ่งก็น่าจะเป็นความเชื่อแบนี้ ที่จริงเสียด้วยสิครับ
.
📌มหันตภัยศูนย์เหรียญ เริ่มต้นจากการมาตั้งบริษัทศูนย์เหรียญในประเทศไทย โดยมีชาวจีนถือหุ้น 49% อีก 51% ก็เอานอมินีคนไทยมาถือหุ้นส่วนหนึ่ง แล้วก็เอาบริษัทเครือข่ายที่จัดตั้ง มาถือหุ้นไขวัไปไขว้มา เพื่อให้บริษัทเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยตามกฎหมาย แต่ถ้าหากคำนวณการถือหุ้นทางอ้อมอย่างละเอียดแล้ว ก็จะพบว่าบริษัทดังกล่าว โดยพฤตินัยได้มีเจ้าของเป็นชาวจีนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
📌จากนั้น ก็เอาบริษัทศูนย์เหรียญ มาทำธุรกรรมต่างๆ ในประเทศไทย โดยพยายามทำให้การรับรู้รายได้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บริษัทแม่ที่ประเทศจีน แล้วก็บริหารให้บริษัทลูกที่เป็นบริษัทศูนย์เหรียญมีกำไรที่ต่ำมากๆ หรือขาดทุน เพื่อให้กำไรส่วนใหญ่ตกอยู่กับบริษัทแม่ที่ประเทศจีน บริษัทลูกที่เป็นบริษัทศูนย์เหรียญ พอกำไรน้อยมากๆ หรือขาดทุนทางบัญชี ก็จะไม่ต้องเสียภาษีรายได้นิติบุคคลอะไรเลยในประเทศไทย
.
📌อย่างทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็เป็นบริษัททัวร์ที่เก็บเงินค่าทัวร์ที่ประเทศจีนในราคาที่ถูกมากๆ จากนั้นก็พาลูกทัวร์เที่ยวที่ประเทศไทย มาพักที่โรงแรมศูนย์เหรียญ ใช้รถทัวร์ของบริษัทขนส่งศูนย์เหรียญ กินอาหารที่ร้านอาหารศูนย์เหรียญ ซื้อของฝากที่ร้านศูนย์เหรียญ มาเที่ยวไทย ใช้ทรัพยากรในประเทศไทย แต่เงินสักสลึงเดียวก็ไม่กระเด็นตกมาถึงมือคนไทย
.
📌บริษัทศูนย์เหรียญ ของวงจรนี้ ก็มีหน้าที่อยู่หลายฟังก์ชั่น เช่น ทำหน้าที่เป็นเพียงช่องทางระบายสินค้าจากบริษัทแม่ที่ประเทศจีน บริษัทศูนย์เหรียญเหล่านี้ ก็จะทุ่มตลาด ขายสินค้าแบบตัดราคา จนผู้ประกอบการที่เป็นคนไทยขายสู้ไม่ได้ บริษัทศูนย์เหรียญจะขาดทุน ก็ไม่เป็นไร เพราะตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางการระบายสินค้าของบริษัทแม่ที่ประเทศจีนอยู่แล้ว ขาดทุนก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายโลจิสจิกส์ ขอให้ขายของได้เยอะๆ แล้วกำไรไปกองอยู่ที่บริษัทแม่ที่ประเทศจีนก็พอ
.
📌ผู้รับเหมาศูนย์เหรียญ ก็เหมือนกัน วัสดุก่อสร้างเกือบแทบทั้งหมดนำเข้าจากประเทศจีน วิศวกรก็ใช้วิศวกรจีน โดยเข้ามาทำงานกับผู้รับเหมาศูนย์เหรียญผ่านการออก VISA นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยศูนย์เหรียญ ที่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของนายทุนชาวจีนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
การเก็บค่าเล่าเรียน ค่าหน่วยกิต ก็จ่ายกันที่ประเทศจีน แล้วบริษัทแม่ก็ค่อยๆ โอนเงินมาให้มหาวิทยาลัยศูนย์เหรียญที่ตั้งอยู่ที่ประเทศไทย พยายามทำให้กำไรน้อยที่สุด ตั้งวิทยาลัยนานาชาติ สอนทุกอย่างเป็นภาษาจีน อาจารย์ก็เป็นคนจีน คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ล้วนเป็นชาวจีน หลักสูตรไม่มีกลไกในการควบคุมคุณภาพ มีข้อสงสัยอยู่เหมือนกันว่า จริงๆ แล้ว การเรียนการสอนอาจจะไม่มีจริงเลยก็ได้ ปฏิทินการเรียนการสอนไม่มี เหมือนหาลูกค้ามาเรียนได้จำนวนหนึ่ง ก็ค่อยเปิดคลาสเรียนแบบกลุ่มย่อย มีบริการช่วยทำวิทยานิพนธ์ไม่แตกต่างจากการขายวุฒิการศึกษา
.
📌โรงงานศูนย์เหรียญ โรงงานก็สร้างโดยผู้รับเหมาศูนย์เหรียญ แถมยังไปขอรับการยกเว้นภาษีจาก BOI เบื้องหน้าเอาเครื่องจักรมาผลิตพอเป็นพิธี แต่เบื้องหลังลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์จากบริษัทแม่ที่ประเทศจีน เงื่อนไขที่ต้องใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) BOI ไม่เคยมาตรวจ สุดท้ายพอดูสต๊อกของผลิตภัณฑ์ คิดยังไงด้วยกำลังการผลิตที่เป็นอยู่ ก็ไม่สามารถผลิตสินค้าออกมาจนเต็มสต๊อกแบบนี้
.
📌คอนโดศูนย์เหรียญ ก็เอานอมินีมาซื้อ แล้วก็เอามาปล่อยเป็นห้องพักรายวันให้นักท่องเที่ยวจีนมาพัก ค่าเช่าห้องพักก็จ่ายผ่านแอปจีน จ่ายกันที่ประเทศจีน แล้วก็ค่อยเดินทางมาพักที่ไทย โดยที่คนไทยไม่ได้อะไรเลย
.
📌นี่ยังไม่นับความเสียหายจากจีนเทาบางกลุ่มที่เอาเงินสกปรกที่ได้มาจากการทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ยาเสพติด มาฟอกเงินอีกนะครับ
.
📌สำหรับกระบวนการการฟอกเงิน กลุ่มทุนจีนเทาเหล่านี้ จะหาคนไทยบางคนมาทำหน้าที่เป็น “เครื่องฟอกเงิน” คอยเอาเงินผิดกฎหมายไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดหรู ฉวยโอกาสจากตลาดสินค้าแบรนด์เนม ในการซื้อรถหรู นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม (📋Note: คนที่ซื้อของแบรนด์เนมส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคนที่เป็นเครื่องฟอกเงินนะครับ แต่คนที่เป็นเครื่องฟอกเงิน จะใช้ช่องว่างของตลาดแบรนด์เนมในการฟอกเงิน เท่านั้นเอง) จากนั้นก็จะทยอยปล่อยขายของที่ซื้อมาผ่านตลาดรับซื้อ หรือช่องทางในการซื้อขายเพื่อฟอกเงิน เปลี่ยนเงินสกปรก ให้กลายเป็นเงินสะอาดที่มีแหล่งที่มาที่ไป
.
คนที่ทำตัวเป็นเครื่องฟอกเงินเหล่านี้ ส่วนใหญ่มักจะเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับใคร มีบ้างบางกลุ่มที่พอมีเงินหน่อย ก็อดไม่ได้ต้องออกมาทำคอนเท้นต์อวดรวย บางคนก็คอยสร้างภาพนักบุญ ทำบุญด้วยเงินมหาศาล โดยมีเป้าหมายที่จะเอาชุมชนมาเป็นเกราะกำบัง พอมีคนตั้งข้อสงสัยถึงที่มาที่ไปของเงิน คนที่ตั้งข้อสงสัยก็จะถูกคนในชุมชนรุมกันต่อว่าทันทีว่า “อิจฉาเขาล่ะสิ! มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ทำบุญใหญ่โตได้อย่างเขาหรือเปล่า ฯลฯ” (📋Note: อย่าเหมารวมนะครับ เพราะคนดีที่มีจิตอาสาที่แท้จริงยังมีอยู่ในสังคมของเราเป็นจำนวนมาก)
.
📌ที่ร้ายไปกว่าการเอาเงินสกปรกไปซื้อของแบรนด์เนม ก็คือ การเอาเงินสกปรกไปซื้อธุรกิจที่มีมูลค่าสินทรัพย์สูง และตัวธุรกิจสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างรวดเร็ว เช่น โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร และบริษัทขนส่ง เป็นต้น จากนั้นก็ให้โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร และบริษัทขนส่ง ตั้งราคาขายแบบตัดราคา เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจกำไรขาดทุน ขาดทุนก็ไม่กลัว เพราะจะมีเงินสกปรกคอยหมุนมาให้ฟอกอย่างต่อเนื่อง คนที่เดือดร้อนที่สุด ก็คือ ผู้ประกอบการไทย ที่ประกอบธุรกิจอย่างสุจริต พอต้องมาเจอกับการขายตัดราคาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็แบกรับสภาพต่อไปไม่ไหว ต้องปิดกิจการไปในที่สุด
.
📌ลองจินตนาการดูนะครับ เอาเฉพาะเงินที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปหลอกคนเขามา ปีๆ หนึ่ง มีการประเมินกันว่า หลอกเงินจากคนไทยมาได้ราว 3 หมื่นล้านบาท ปัญหามันไม่ใช่แค่มิจฉาชีพมาหลอกเงินคนไทย แล้วทำให้คนไทยที่ถูกหลอก โดยเฉพาะผู้สูงอายุต้องสิ้นเนื้อประดาตัวในวัยเกษียณเท่านั้นนะครับ แต่เงินที่โจรเหล่านี้หลอกเอาไป จะถูกเล่นแร่แปรธาตุ เปลี่ยนเป็นเงินคริปโต เปลี่ยนเป็นเงินสกุลต่างประเทศ แล้วก็วนเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินบาท แล้วเอามาฟอกในประเทศไทย ให้นอมินี หรือบริษัทศูนย์เหรียญที่จัดตั้งขึ้น ระดมซื้ออสังหาริมทรัพย์ ปั่นราคาจนอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนค่าเช่าอาคาร มีราคาแพงขึ้น กลายเป็นปัญหาฟองสบู่ จนผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจอย่างสุจริตจ่ายค่าเช่าตามไม่ไหว ความเสียหายมันไม่ใช่แค่มิจฉาชีพหลอกเอาเงินไปเท่านั้นนะครับ แต่นี่มันเป็นหลุมดำที่คอยสูบเม็ดเงินออกจากระบบเศรษฐกิจ บั่นทอนกำลังซื้อ และการบริโภคภายในประเทศ แถมเงินที่มันหลอกเอาไปสุดท้ายยังวนกลับมาทุ่มตลาด ทำลายธุรกิจไทยซ้ำอีก นี่มันหายนะชัดๆ
.
😱ขนาดผู้มีอิทธิพลชาวไทย ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายยังอยู่ไม่ได้เลยครับ เจ้าของบ่อนที่เป็นคนไทย ต้องปิดบ่อนเพราะตำรวจมากวาดล้าง แต่อย่าหลงดีใจไปครับ เพราะเหตุที่ตำรวจมากวาดจับ เป็นเพราะว่าบ่อนจีนเทาจ่ายส่วยให้มากกว่า ก็เลยรับคำสั่งมาจับบ่อนไทย ที่เป็นคู่แข่งของบ่อนจีนเทา
.
📂ผมคิดว่า การที่จะแก้ไขปัญหามหันตภัยศูนย์เหรียญ จำเป็นต้องยกระดับ หน่วยงานอย่างน้อย 3 หน่วยงาน หน่วยงานแรก ก็คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งจะต้องมีกำลังเจ้าหน้าที่ และระบบคอมพิวเตอร์ ที่เพียงพอต่อการตรวจสอบการใช้นอมินีคนไทย ในการจดจัดตั้งบริษัทศูนย์เหรียญ ปัจจุบันกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่นี้ไม่ถึง 10 คน สรรพกำลังเพียงเท่านี้ แก้ไขปัญหาระดับวิกฤติขนาดนี้ไม่ไหวหรอกครับ
.
📂อีกหน่วยงานหนึ่ง ก็คือ BOI โดย BOI ต้องมีกำลังเจ้าหน้าที่ ในการตรวจสอบโรงงานต่างๆ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่ BOI กำหนดหรือไม่ ปัจจุบัน BOI มีหน้าที่เพียงแค่อนุมัติสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ แต่ไม่มีกำลังคน ในการไปตรวจสอบเลยว่า โรงงานที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีไป ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของ BOI หรือเปล่า
.
📂สุดท้าย ก็คือ ป.ป.ช. จะต้องเร่งสืบสวนสอบสวน เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต และประพฤติมิชอบ รับสินบนจากกลุ่มจีนเทา หรือกลุ่มทุนศูนย์เหรียญต่างๆ แล้วคอยรับใช้เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนเหล่านี้ ให้ได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการโดยมิชอบ และเหิมเกริมทำตัวตามอำเภอใจอยู่เหนือกฎหมายได้
.
😱😱😱วงจรของมหันตภัยศูนย์เหรียญ ปัจจุบันลุกลาม กระจายแทรกซึมเข้าไปอยู่ในทุกอณูของระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยแล้ว ถ้าไม่เร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ในไม่ช้าธุรกิจไทยจะพากันล้มตายปิดกิจการจนหมด คนไทยจะกลายเป็นทาส ไม่ต่างจากการสิ้นชาติ ตกเป็นเมืองขึ้น เมืองประเทศราชโพ้นทะเล