นายกฯเยือนกัมพูชา! ลงนาม 7 ฉบับกระชับสัมพันธ์ “ฮุน มาแนต” เน้นไว้ใจ-เคารพ! “เฉลิมชัย” ลุยแก้ PM2.5 ข้ามแดน!
เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 23 เม.ย.(ตามเวลาท้องถิ่นกรุงพนมเปญ ซึ่งเท่ากับกรุงเทพฯ) ที่ห้องมะลิ ชั้น 2 วิมานสันติภาพ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด (Samdech Moha Borvor Thipadei HUN Manet) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลง จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความตกลงว่าด้วยกรรมสิทธิ์ การใช้ การบริหาร และการบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน – สตึงบท) 2.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน 3.หนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อปรับเปลี่ยนสาระสำคัญของความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานกัมพูชา – ไทย
ทั้งนี้ 4.บันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา 5.บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือเรื่องแรงงานและการจัดทำข้อตกลงด้านการจ้างงานไทย – กัมพูชา 6.บันทึกการหารือ สำหรับการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา สำหรับงานออกแบบรายละเอียดโครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 57 (บ้านผักกาด – บ้านปรม จังหวัดไพลิน – ถนนหมายเลข 5 จังหวัดพระตะบอง) ราชอาณาจักรกัมพูชา 7.ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาดอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

จากนั้นนายกฯไทยและนายกฯกัมพูชาเป็นประธานในพิธีเปิดตราสัญลักษณ์ครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – กัมพูชา และการแถลงข่าวร่วมในเวลา 12.00 น. โดยน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เดินทางมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 75 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา และยินดีที่ได้ร่วมกับสมเด็จมหาบวรธิบดีฮุน มาแนด เปิดตัวตราสัญลักษณ์เพื่อเฉลิมฉลองวาระดังกล่าวอย่างเป็นทางการ และในวันนี้ได้มีการหารืออย่างเป็นกันเองและสร้างสรรค์ และต่างแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะกระชับความร่วมมือ บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ การเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า โดยได้หารือกันในประเด็น 1.การยืนยันถึงความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน โดยยินดีที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม รวมถึงยินดีต่อการเปิดสถานกงสุลใหญ่ไทยที่จังหวัดเสียมราฐ และการเปิดสถานกงสุลใหญ่กัมพูชาที่จังหวัดสงขลาในอนาคตอันใกล้ 2.การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคง โดยสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางทหารให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในทุกระดับ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ
โอกาสนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวขอบคุณนายกฯกัมพูชา สำหรับความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างหน่วยงานตำรวจในการปราบปรามแก๊งหลอกลวงออนไลน์ และจะส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อขจัดเครือข่ายอาชญากรรมให้หมดจากพื้นที่ชายแดน พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยมลพิษสิ่งแวดล้อมข้ามแดนในวันนี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือในการรับมือกับมลพิษฝุ่น PM2.5 ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า 3.การเร่งรัดการพัฒนาพื้นที่ชายแดน โดยไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ร่วมอย่างไม่เป็นทางการที่พื้นที่ชายแดน ในโอกาสเปิดสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา อย่างเป็นทางการ รวมถึงจะเร่งรัดการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ตลอดจนเร่งเจรจาความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางถนน เพื่อให้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถข้ามแดนได้ รวมทั้งพัฒนาบริการขนส่งสินค้าข้ามแดนทางราง 4.การกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน จาก 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2027 ทั้งนี้ ขอบคุณกัมพูชาที่สนับสนุนนักลงทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 9 ในกัมพูชา

น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า 5.การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนข้อริเริ่มหกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง ให้มีความคืบหน้า 6.การส่งเสริมให้มีการจ้างแรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมายเท่านั้น เพื่อให้แรงงานสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เหมาะสม
และ 7.การเสริมสร้างมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยจะจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชา ตลอดทั้งปีนี้ เพื่อสะท้อนมิติต่าง ๆ ของมิตรภาพอันยาวนาน
ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวร่วม นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ที่โถงลำดวล ชั้น 1 วิมานสันติภาพ
จากนั้นรัฐมนตรี ลงนามบันทึกความตกลงกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน โดยบันทึกความเข้าใจฯ ประกอบด้วยขอบเขตความร่วมมือ 1.การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูล และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันมลพิษข้ามแดน 2.การเพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องในการป้องกันและจัดการมลพิษ 3.การดำเนินโครงการวิจัยด้านการจัดการมลพิษข้ามแดนร่วมกัน 4.การตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน 5.การร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมข้ามแดนอย่างเหมาะสม และ 6.การดำเนินการและการติดตามผล ทบทวนความก้าวหน้าเป็นประจำ โดยบันทึกความเข้าใจฯ นี้ มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ทุกฝ่ายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้.