‘พิชัย ชุณหวชิร’ รับ สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีทำเศรษฐกิจชะงัก ฉุด GDP ประเทศ เผย ขอดูรายละเอียดโครงการ แหล่งเงิน ก่อนพิจารณาออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท บอกใจเย็นๆ เดินหน้าต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 3 หรือไม่
วันที่ 25 เม.ย.68 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการออก พ.ร.บ. กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ว่า ขออย่าพูดว่าแผน และเหตุการณ์การที่สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของไทย กว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ จะมี 2 เรื่อง คือการแก้ไขต่อให้จบในทางที่ดีที่สุด ช่วงนี้ทุกคนคิดไม่ออกเปรียบเสมือนนาฬิกาที่หยุดเดิน หรือเดินบ้างไม่เดินบ้าง การค้าหยุดชะงักไป บางส่วนยังซื้อ บางส่วนไม่ซื้อ หรือบางส่วนไม่ลงทุนเลย เพราะฉะนั้น จะส่งผลต่อ GDP อย่างแน่นอน นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะแรงหรือไม่แรง เพราะฉะนั้น เราจึงเดาว่ามีผลต่อ GDP แต่ระดับของความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะออกมา
วันนี้เราต้องประเมินผลกระทบในแต่ละระดับความรุนแรงทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้น หากประเมินว่า GDP ไม่ดี หมายความว่าประชาชนไม่กินดีอยู่ดี คือไม่มีกำลังซื้อ ไม่มีเงิน ไม่มีการจ้างงาน ไม่มีการผลิตและการบริการ นำมาซึ่งการส่งออกและบริโภคภายในประเทศ จึงนำมาซึ่งแนวคิดว่าหากเกิดเหตุเช่นนี้แล้ว จะทำอย่างไร เพื่อที่จะทำให้คนที่มีรายได้น้อยกลับมามีรายได้ ทำให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจ เกิดการจ้างงานได้
ตนจึงอยากถามเล่นๆ ว่า ขนาดของมันเท่าไหร่ คงไม่ใช่การลงทุนขนาดย่อมๆ ควรจะเป็นอะไรที่เราเรียกร้องมานานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบปัญหาเชิงโครงสร้าง ยอมรับว่า มีอยู่แล้วหลายส่วน อย่างน้อยก็อยากสื่อให้สังคมได้ทราบว่า น่าจะเป็นความจำเป็นของหลายประเทศ เพราะหากติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศกลุ่มอาเซียน ทุกคนก็รู้สึกว่าลำบากด้วยกัน เราก็จะดูแนวทางแก้ไขประกอบด้วยว่า อย่างไรจึงจะสอดคล้องกัน
และหากถามว่าจะกู้จากที่ใด ก็ต้องดูที่โครงการก่อน ว่าโครงการนั้นจะต้องตอบโจทย์ ว่าจะดีต่ออนาคตของประเทศไทยเชิงประสิทธิภาพ และการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ และหากจะพูดเกินกว่านี้ ตนคงตอบไม่ได้ เพราะจะเกินกว่าสถานการณ์ไป
เมื่อถามต่อว่าเศรษฐกิจอย่างนี้จะไม่ส่งผลต่อการจ่ายเงินในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 นายพิชัย กล่าวว่า ขอให้ใจเย็นๆ