“สุนันทา” เผยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 64.17 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 76 เน้น คุณภาพ-ออร์แกนิก แนะใช้ช่องทางออนไลน์รุกตลาด
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนางสาวเกษสุรีย์ วิจารณกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้า ในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ถึงการสำรวจตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ โอกาสและวิธีการในการขยายการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของไทย เจาะเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ
ซึ่งทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 64.17 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 76 จาก 44.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 67 ซึ่งการขยายตัวนี้ได้รับแรงหนุนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่แข็งแกร่งที่ 4.11% ในช่วง ระหว่างปี68 2025 ถึง 76
ทั้งนี้มีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของตลาด ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมและออร์แกนิก ตลอดจนความสนใจที่เพิ่มขึ้นในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง โดยเจ้าของสัตว์เลี้ยง มีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงและอาหารเฉพาะทางที่ตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของสัตว์เลี้ยง เช่น การควบคุมน้ำหนัก การแพ้อาหาร
นอกจากนี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงยังมองว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ส่งผลให้เกิดความต้องการที่สูงขึ้นต่อแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูงและเป็นธรรมชาติโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิก ปราศจากธัญพืช หรือสูตรเฉพาะที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการด้านสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวยังช่วยส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเฉพาะทาง และกูร์เมต์ เนื่องจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงยินดีที่จะใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อดูแลสุขภาพและยืดอายุขัยของสัตว์เลี้ยงของตน
ขณะเดียวกัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ มีความใส่ใจในสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น โดยเฉพาะ ในเรื่องของโภชนาการและคุณค่าทางอาหารของผลิตภัณฑ์ที่เลือกให้สัตว์เลี้ยงบริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเชิงฟังก์ชันและโภชนาการเฉพาะทาง ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพเฉพาะ เช่น การควบคุมน้ำหนัก การดูแลข้อต่อ หรือการแพ้อาหาร กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปี 67 ที่ผ่านมา มีครัวเรือนในสหรัฐฯ ถึง 66% หรือประมาณ 86.9 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงสัตว์ โดยแบ่งเป็น 65.1 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงสุนัข 46.5 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงแมว และส่วนอื่น ๆ เลี้ยงปลา สัตว์ขนาดเล็ก และนก
นางสาวสุนันทากล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ดังกล่าวว่า เปิดโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมและฟังก์ชันเฉพาะที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและโภชนาการ ด้วยจุดแข็งของประเทศไทยในด้านวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ปลา ข้าว และสมุนไพร รวมถึงมาตรฐานการผลิตที่สามารถพัฒนาให้เทียบเท่าสากล ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างความแตกต่างผ่านแบรนด์ที่เน้นเรื่องความเป็นธรรมชาติ คุณภาพ และปลอดภัย สร้างจุดขายให้กับสินค้าไทยได้
ส่วนช่องทางการเข้าสู่ตลาด ควรให้ความสำคัญกับการขายผ่านช่องทาอีคอมเมิร์ซและโมเดล Direct-to-Consumer เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้โดยตรง และควรให้ความสำคัญกับการรับรองมาตรฐานระดับสากล การติดฉลากที่ชัดเจน และการควบคุมความปลอดภัยของส่วนผสมอย่างเข้มงวดรวมไปถึงการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในตลาดเป้าหมาย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับการแข่งขันในตลาดอย่างยั่งยืน