ปปป.ไม่หยุด! ลุยสอบเส้นทางเงินวัดดัง 300 ล้าน พบ “ทิดแย้ม” โอนให้สาวเว็บพนัน 80 ล้าน อึ้ง! “อดีตพระเอก ” เอี่ยวขนเงินสดฝากอีก 200 ล้าน จ่อขยายผลบัญชีวัดกว่า 20 บัญชี!
จากกรณีที่ พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือ เจ้าคุณแย้มวัดไร่ขิง เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม และเจ้าคณะภาค 14 พร้อมด้วยทนายความ และคณะพระผู้ติดตาม เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูกร้องเรียนยักยอกเงินวัดไร่ขิงกว่า 300 ล้านบาท ไปเล่นพนันออนไลน์ โดยพบเส้นทางการโอนเงินจากบัญชีของวัดไปยังบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส ก่อนถูกโอนต่อไปยังบัญชีหญิงสาวที่มีประวัติพัวพันเว็บพนัน และเคยถูกจับกุม ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 18 พ.ค.68 พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังคงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงินอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งทยอยสอบปากคำพยานผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีต่างๆ ของวัดไร่ขิง โดยได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติงานอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
จากการสอบสวนในปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินระหว่าง นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ ทิดแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ นางสาวอรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ ในหลายช่องทาง ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปี 2567 รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินจากบัญชีส่วนตัวของทิดแย้ม ที่โอนให้กับนางสาวอรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมเป็นเงิน 80 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการใช้บัญชีของอดีตพระเอก นายเอกพจน์ ในการโอนเงิน และตระเวนนำเงินสดไปฝากยังตู้ธนาคารต่างๆ ให้นางสาวอรัญญาวรรณ หลายครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท อีกทั้งยังพบชื่อบัญชีบุคคลที่สามอีก 1 บัญชี ที่โอนเงินให้กับนางสาวอรัญญาวรรณ อีกจำนวน 60 ล้านบาท
สำหรับการตรวจสอบบัญชีภายในวัดไร่ขิง พบว่ามีมากกว่า 20 บัญชี ซึ่งอยู่ในรูปแบบของการเปิดบัญชีเฉพาะกิจ เช่น บัญชีสำหรับโอนเงินจากการเช่าบูชาพระเครื่อง และกิจกรรมต่างๆ ของวัด รวมถึงบัญชีของมูลนิธิภายในวัดอีก 3 บัญชี โดยในจำนวนนี้มี 7 บัญชีที่พนักงานสอบสวนใช้ในการกล่าวหา ทิดแย้ม ว่าใช้ในการยักยอกเงินวัด และยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีอื่นๆ เพิ่มเติม
ในส่วนของกรณีการสอบปากคำลูกศิษย์คนสนิทของทิดแย้ม ซึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถยนต์หลายคันที่ทิดแย้มใช้ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเงินที่นำมาซื้อรถยนต์ดังกล่าวเป็นเงินจากส่วนใด หากพบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ก็จะต้องมีการดำเนินคดีในส่วนนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงดังกล่าว
