นายกฯ ไทยให้การต้อนรับ “ปราโบโว ซูบียันโต” ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบสองทศวรรษ ยกระดับความสัมพันธ์สู่ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” หารือแน่นแฟ้นความร่วมมือทุกมิติ
ทำเนียบรัฐบาล, 19 พ.ค.68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ผู้นำทั้งสองได้ร่วมกันตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเชิญประธานาธิบดีอินโดนีเซียไปยังห้องสีม่วงเพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี และไปยังห้องสีงาช้างด้านนอกเพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและแลกของที่ระลึก
ต่อมาในเวลา 10.20 น. นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมหารือทวิภาคีเต็มคณะ ภายใต้กลไกหารือระดับผู้นำ (Leaders’ Consultation) ครั้งที่ 1 ณ ตึกภักดีบดินทร์
ภายหลังการหารือ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 20 ปี และถือเป็นโอกาสสำคัญในการย้ำมิตรภาพอันยาวนาน พร้อมเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปีที่ครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
ด้านประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ขอบคุณรัฐบาลไทยสำหรับการต้อนรับอันอบอุ่น และชื่นชมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยาวนาน พร้อมยินดีต่อการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) ซึ่งจะเป็นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของทั้งสองประเทศ และเชื่อมั่นว่าการหารือภายใต้กลไก Leaders’ Consultation จะช่วยผลักดันความร่วมมือให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยอินโดนีเซียพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการหารือครั้งต่อไปและเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนอินโดนีเซียในโอกาสเหมาะสม

ในการหารือครั้งนี้ ผู้นำทั้งสองได้เน้นย้ำความร่วมมือในหลายด้าน ได้แก่ การยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ การเพิ่มพูนความร่วมมือด้านความมั่นคงในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด รวมถึงการผลักดันความตกลงโอนตัวนักโทษ นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องในการเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JTC ระดับรัฐมนตรี และสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงความร่วมมือด้านการเกษตร การประมง และความมั่นคงทางอาหาร โดยไทยเสนอต่ออายุบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการค้าข้าว และเปิดตลาดสินค้าเกษตร พร้อมตั้ง Halal Task Force รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุนอุตสาหกรรมประมงอย่างยั่งยืน ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และเสนอทำการตลาดร่วมกัน รวมถึงการเปิดเส้นทางการบินใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการหารือด้านความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข การควบคุมผลิตภัณฑ์อาหารและยา และการศึกษา รวมถึงความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ และสนับสนุนบทบาทของอาเซียน โดยประธานาธิบดีอินโดนีเซียยืนยันพร้อมสนับสนุนไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS