รัฐบาล “แพทองธาร”อัดฉีดงบกว่า 1.57 แสนล้านบาท เดินหน้าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน น้ำ-คมนาคม, ท่องเที่ยว, ลดผลกระทบส่งออก, เศรษฐกิจชุมชน และพัฒนาทุนมนุษย์ ตั้งเป้าเม็ดเงินหมุนเวียน รักษาการจ้างงาน วางรากฐานเศรษฐกิจระยะยาว
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 พ.ค.68 ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568
แผนการดังกล่าวครอบคลุมหลากหลายด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและคมนาคม, การพัฒนาภาคการท่องเที่ยว, การลดผลกระทบภาคการส่งออกและการเพิ่มผลิตภาพ, เศรษฐกิจชุมชน และอื่นๆ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง รักษาการจ้างงาน และวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว โดยจะใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
รายละเอียดแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ประกอบด้วย:
- ด้านโครงสร้างพื้นฐาน: พัฒนาและปรับปรุงระบบน้ำเพื่อป้องกันอุทกภัยและภัยแล้ง, กระจายน้ำเพื่อการเกษตร, พัฒนาระบบประปา รวมถึงแก้ไขปัญหาจราจร, เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง, แก้ไขจุดตัดทางรถไฟ-ถนน, สร้าง/ปรับปรุงจุดพักรถบรรทุก และพัฒนาถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่การผลิต
- ด้านการท่องเที่ยว: ปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว, สนามกีฬา, สิ่งอำนวยความสะดวก, ระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะในเมืองรอง
- ลดผลกระทบภาคการส่งออก/เพิ่มผลิตภาพ: สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร, สนับสนุนสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานในภาคการส่งออก, และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลเพื่อสนับสนุนรัฐบาลดิจิทัลและการค้าระหว่างประเทศ
- เศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ: สนับสนุนงบประมาณแก่กองทุนหมู่บ้าน, พัฒนาเศรษฐกิจและชุมชนตามความต้องการของคนในพื้นที่, และพัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษาเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ครม. ได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานอนุกรรมการเพื่อกำกับและติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด โดยมีกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อเสนอโครงการและคำของบประมาณภายในเดือนพฤษภาคม 2568 และจะนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติภายในเดือนมิถุนายน 2568 จากนั้นสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณภายในเดือนกรกฎาคม 2568
นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการเร่งรัดการใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงาน การกระจายรายได้ และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาวผ่านการลงทุนในทุนมนุษย์และการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยจะมีการติดตามแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบเพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพสูงสุด