“โฆษกศบศ.” ย้ำ”บิ๊กตู่”ช่วยคนไทยทุกคน แต่ต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อหารายได้เข้าประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในสายตาชาวต่างชาติ
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19(ศบศ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก รัฐบาลดำเนินการ 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. มาตรการด้านสาธารณสุขการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน และการดูแลรักษาพยาบาล โดยรัฐบาลจัดหาวัคซีนจำนวน 105.5 ล้านโดสเพื่อฉีดให้กับประชาชนจำนวน 50 ล้านคนภายในสิ้นปี64 ครอบคลุมประชากร 70 เปอร์เซ็นต์
และ 2. มาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยการเปิดพื้นที่และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีเป้าหมายที่วางไว้อย่างเป็นขั้นตอนตามลำดับ เริ่มจากเปิดพื้นที่ เปิดกิจกรรม เปิดในประเทศ และเปิดต้อนรับต่างประเทศ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นย้ำว่า การเปิดประเทศเริ่มจากการเปิดใจ และมั่นใจในความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน
นายธนกร กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีมาตรการในการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤติโควิด-19 จำนวน 4 มาตรการคือ 1. มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 13.65 ล้านคน รัฐบาลสนับสนุนให้ลนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 16,380 ล้านบาท
2.มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 2.5 ล้านคน รัฐบาลสนับสนุนให้ลนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน เม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 3,000 ล้านบาท 3.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 31 ล้านคน เปิดให้มีการลงทะเบียนแล้วกว่า 28 ล้านคน โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง 150 บาทต่อวันต่อคน ตลอดโครงการ 3,000 บาท ใช้เม็ดเงิน 93,000 ล้านบาท เม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 186,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ท่านนายกฯ เป็นคนต้นคิด และ4. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 4 ล้านคน มีเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 268,000 ล้านบาท ลงทะเบียนแล้ว 400,000 คน
นายธนกร กล่าวอีกว่า แต่ละโครงการมีวัตถุประสงค์และวิธีการในการให้ช่วยเหลือกลุ่มคนที่แตกต่างกันออกไป โครงการทั้ง 4 เป็นโครงการที่มีความเชื่อมโยงและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 51 ล้านคน หรือครอบคลุมคนทั้งประเทศ 70% และนำเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 473,000 ล้านบาท
ส่วนการเปิดภูเก็ต sandbox ในวันที่ 1 ก.ค.นั้น จะเป็นสัญลักษณ์สะท้อนความพร้อมของเกาะภูเก็ต ต่อภาพรวมของทั้งประเทศ ประชาชน เอกชน ธุรกิจ การค้า ที่จะกลับมาอีกครั้ง ตนเห็นด้วยกับแนวทางเปิดประเทศภายใน 120 วันของท่านนายกฯ ถือเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลวางเอาไว้เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนเดินไปสู่เป้าหมายนั้นร่วมกัน
โดยจะทยอยเปิดเมืองท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจหารายได้เข้าประเทศ ขอเพียงประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน เราจะฝ่าวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ขอให้เชื่อมั่นในตัวท่านนายกฯ การเปิดภูเก็ตคือการแสดงออกทางสัญลักษณ์ ถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ถึงแม้ว่าช่วงแรกจะมีนักท่องเที่ยวไม่มาก แต่สะท้อนศักยภาพมาตรการสาธารณสุขของไทยในการบริหารจัดการ