“บิ๊กโจ๊ก” เผยผลสำรวจพีเพิลโพล พบประชาชนหวาดกลัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากที่สุด ขณะที่’’กล้องซีซีทีวี’’คือสิ่งที่ปชช.ต้องการมากที่สุด เพราะมั่นใจต่อการบันทึกภาพจากกล้อง
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ9) ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการสำรวจความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชนและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของตำรวจ ผ่านพีเพิลโพล ประจำเดือนมิถุนายน 2564 ว่า ที่ผ่านมาสำนักงานยุทธ์ศาสตร์ ตร. มีการเก็บข้อมูลเป็นประจำทุกปี วิเคราะห์ข้อมูล รวบรวมสถิติต่างๆ เพื่อเป็นตัวชี้วัดของ ตร. ซึ่งจะสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต่อมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีแนวคิดในการที่จะดูสถิติ ดูการทำงานของตำรวจแบบเรียลไทม์ จึงได้ริเริ่มทำพีเพิลโพล มีเปลี่ยนแปลงรูปแบบจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบกูเกิ้ลฟอร์ม เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นเดือนแรกและประเมินผลทุกสิ้นเดือน
พบว่าในเดือนนี้มีประชาชนช่วงอายุ 20-40 ปี กรอกข้อมูลเข้ามากว่า 2 แสนกว่าราย จากสถานีตำรวจ 1,484 แห่ง ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะที่ผ่านมาในหนึ่งปีมีการจัดเก็บตัวอย่างเพียง 1-2 พันราย แต่ตอนนี้เมื่อเราใช้ข้อมูลที่ทันสมัย ใช้เครื่องมือกูเกิ้ลฟอร์ม ประชาชนก็จะกรอกง่าย อยู่บ้านก็กรอกได้
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับข้อมูลผลสำรวจที่ในหัวข้อความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมต่อชีวิต ร่างกายและเพศ พบว่าประชาชนหวาดกลัวภัยในเรื่องการทำร้ายร่างกายมากที่สุด รองลงมาคือการถูกฆ่า และอันดับที่สามคือภัยยาเสพติด ต่อมาเป็นผลสำรวจหัวข้อความหวาดกลัวภัยต่อทรัพย์สิน ประชาชนหวาดกลัวเรื่องการลักทรัพย์มากที่สุด รองลงมาคือชิงทรัพย์ และอันดับที่สามการวิ่งราวทรัพย์
ผลสำรวจหัวข้อความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมสมัยใหม่ ประชาชนหวาดกลัวเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากที่สุด รองลงมาคือการหลอกลวงซื้อของออนไลน์ และอันดับที่สาม การพนันออนไลน์ โดยจะเห็นได้ว่าแบบฟอร์มนี้วัดความรู้สึกและความต้องการของประชาชนได้จริงๆ ทำให้ผบ.ตร. สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการสั่งการตำรวจทุกโรงพัก บริหารข้อมูลเหล่านี้ตามสถานการณ์จริงได้ ทิศทางการทำงานจะชัดเจนและตรงเป้ามากขึ้น วันนี้ฟันเฟืองทุกตัวต้องขยับ ข้อมูลพีเพิลโพล จะบอก ผกก.ทุกโรงพัก ว่าพื้นที่ตนเองมีปัญหาอะไรมากที่สุด
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องผลสำรวจความพึงพอใจของประชาชนที่ขึ้นมาใช้บริการภายในสถานีตำรวจ เราใช้เกณฑ์ 70 % โดยทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศผ่านเกณฑ์หมด แต่ผ่านเกณฑ์แบบปริ่มๆ 74-76 % เหล่านี้ทำให้เราต้องพัฒนาต่อไป ทั้งนี้การสำรวจของพีเพิลโพล เป็นระบบที่จำกัด 1 หมายเลขโทรศัพท์ ต่อ 1 การให้ข้อมูลและทำได้เพียง 1 ครั้งต่อเดือน เพราะฉะนั้นจะไม่มีหน้าม้ามาให้ข้อมูล และ ผบ.ตร. ย้ำว่าขอให้กรอกข้อมูลแบบตรงไปตรงมา จะได้นำข้อมูลมาปรับปรุงการทำงานของสายตรวจ ฝ่ายสืบสวน และจราจร ได้
ทั้งนี้การจัดทำผลสำรวจยังพบว่าสิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศมีความต้องการมากที่สุดคือกล้องซีซีทีวี เพราะประชาชนมีความมั่นใจต่อการบันทึกภาพจากกล้อง ทำให้ ผบ.ตร. จึงได้ริเริ่มนำร่องโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3 โซน คือ ห้วยขวาง ลุมพินี และภาษีเจริญ ส่วนในต่างหวัดจะมีภาคละ 1 โซน คือ พัทยา ภูเก็ต อุดรธานี ปากเกร็ด สมุทรปราการ เชียงใหม่ หาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งโครงการดังกล่าวมีการนำกล้อง AI มาใช้จดจำใบหน้า ติดตามบุคคลได้ จะเห็นได้ว่าแนวคิดสมาร์ทเซฟตี้โซน ของผบ.ตร. จะนำร่องในเมืองเศรษฐกิจที่เป็นแลนด์มาร์คของประเทศ เพื่อรองรับการเปิดประเทศในอีก 120 วัน ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจะมีการเปิดโครงการที่แยกราชประสงค์ ในต้นเดือนหน้าและจะคิกออฟพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ให้หวาดกลัวภัยน้อยที่สุด