‘พิพัฒน์’ ยัน แม้ 1% ถ้าต้องการปฏิทิน ก็จะผลิตปฏิทินให้ ถือเป็นความต้องการของผู้ประกันตน ถาม เปรียบเทียบ 38% จากระบบผู้ประกันตนทั่วประเทศที่มีอยู่ 25 ล้านคน คิดเป็น 10 ล้านคน ความต้องการของคน 10 ล้านคนไม่มีค่าเลยหรือ
เมื่อวันที ่28 พ.ค.กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ยืนยันว่าจะผลิตปฏิทินประกันสังคม โดยใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ว่า ผลการประชาพิจารณ์ที่ออกมากว่าร้อยละ 62 ที่ไม่ต้องการกับการทำปฏิทินประกันสังคม แต่ก็มีอีกราวร้อยละ 38 ที่ยังต้องการปฏิทิน ซึ่งก็เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 เพราะฉะนั้น ทุกคนมีสิทธิที่จะแจ้งความจำนงของตนเองว่าต้องการอะไร
“ถ้าถามผม แม้แต่ 1% ที่เขาต้องการ เราก็ต้องหาให้เขาให้ได้ว่า 1% ตรงนั้นอยู่ที่ไหน และก็จะผลิตปฏิทินให้ในส่วนนั้น ถือว่าเป็นความต้องการของผู้ประกันตน หากเปรียบเทียบจำนวน 38% จากระบบผู้ประกันตนทั่วประเทศที่มีอยู่ราว 25 ล้านคน ก็จะคิดเป็นราว 10 ล้านคน ความต้องการของคนจำนวน 10 ล้านคนไม่มีค่าเลยหรือ” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนการที่จะใช้งบประมาณเท่าไรในการผลิตปฏิทินประกันสังคม ขณะนี้ยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง จึงยังไม่ทราบว่าจะใช้งบประมาณเท่าไร นี่คือสิ่งที่ตนจะตอบให้คนที่กำลังต่อว่าทางประกันสังคมและกระทบมาถึงตนว่า เสียงที่ยังต้องการปฏิทินประกันสังคมราวร้อยละ 38 ก็มีชีวิตจิตใจและมีความต้องการเช่นกัน
“อย่าเอาเสียงส่วนใหญ่มากลบเสียงส่วนน้อย พวกท่านพูดตลอดเวลาว่าเป็นเสียงส่วนน้อย รัฐบาลเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่วันนี้พวกท่านกำลังบอกว่า การประชาพิจารณ์เป็นเสียงส่วนใหญ่ พวกท่านกำลังดูหมิ่นหรือด้อยค่าคนส่วนน้อยใช่หรือไม่ ตนจึงขอตอบโต้ และขอให้เข้าใจเสียงส่วนน้อยด้วย”
นายพิพัฒน์กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปประเมินว่าสิ่งที่ทาง สปส. กำลังจัดซื้อจัดจ้างเป็นมูลค่าเท่าไร เนื่องจากยังไม่ถึงกระบวนการตรงนั้น หากถึงกระบวนการตรงนั้น สปส.จะต้องมีเหตุผลว่า เพราะอะไรถึงต้องใช้งบขนาดนี้ เพราะอะไรถึงต้องจัดทำปฏิทิน และปฏิทินยังมีคุณค่าอย่างไรต่อผู้ประกันตน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขอเลือกที่จะออกมาชี้แจงให้ผู้ประกันตนทั้งร้อยละ 38 ที่ยังต้องการปฏิทินว่า สปส. ยังเคารพสิทธิของพวกท่านอยู่ สปส. ยังไม่ได้ละเลยใคร แม้แต่คนใดคนหนึ่ง ทุกคนมีคุณค่า แม้แต่ 1 คนที่มีความเห็นต่างก็มีคุณค่า อย่าว่าแต่คนเกือบ 10 ล้านคนที่ยังมีความจำนงค์อยากได้ปฏิทิน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีการรับโอนรถปลดประจำการของประกันสังคมจากวัดสระแก้ว ซึ่งเป็น ผอ.วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ยอมรับมีการโอนกรรมสิทธิ์รถให้จริง แต่ไม่ได้มีการซื้อขาย ทางวัดส่งรถมาซ่อมบ่อย ก่อนโอนให้นำไปใช้ประโยชน์ที่สถานศึกษานั้น ในเรื่องของรถที่มีกระแสข่าวว่าเป็นรถหรู ตนได้เห็นภาพแล้วว่าเป็นรถหรู ตนขอไม่เถียง รถหรูอาจจะเป็นรถ Alphard และรถโฟล์ค แต่ก็มีการโยงไปถึงรถที่ไม่ทราบว่าหรูหรือไม่ ที่นำไปบริจาคให้กับวัด ซึ่งรถมีอายุถึง 16 ปี ที่อะไหล่รถยนต์บางชิ้นอาจจะหาซื้อไม่ได้
“เข้าใจวัดที่รับไปว่าอาจจะไม่มีความพร้อมในการซ่อมรถ เมื่อมีผู้ที่อยากรับช่วงต่อโดยเฉพาะวิทยาลัย อยากจะเอาไปใช้ เปรียบเทียบเหมือนเป็นอาจารย์ใหญ่ เพื่อการศึกษาให้นักศึกษาซ่อม ถือว่าเป็นการเพิ่มการเรียนรู้ทางภาคปฏิบัติให้กับนักศึกษา“ นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า หากตนไม่ออกมาพูด ตนเชื่อว่าแรงงานอิสระหรือแรงงานนอกระบบที่ต้องการเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 อาจจะเข้าเป็นผู้ประกันตนหรือไม่เข้าก็ได้ ดังนั้น สิ่งที่ตนออกมาพูดเป็นการตอกย้ำว่า ประกันสังคมมีข้อดีอย่างไร ผู้บริหาร สปส. ยังคำนึงถึงความสำคัญของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 พวกเราให้ความสนใจและใส่ใจพวกท่านทุกคน
“ผมจะเป็นคนออกมาพูดให้เอง เป็นสื่อกลางของประกันสังคมที่เป็นข้าราชการซึ่งมีความกังวลว่าอาจจะได้รับผลกระทบ แต่ตัวผมเองไม่กังวล ผมพร้อมหากมีการซักฟอก ผมพร้อมที่จะรับผิดชอบให้กับทาง สปส. แต่ถ้าสิ่งใดผิดก็ขอให้ดำเนินการตามกระบวนการและขอไม่เป็นผู้รับผิดชอบ แต่หากเป็นสิ่งที่คุณประโยชน์ตามระเบียบ ผมพร้อมที่จะเดินออกมาพร้อมกับประกันสังคมในทุกมิติ“ นายพิพัฒน์ กล่าว
