อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเผยความคืบหน้าคดีฟอกเงินและอั้งยี่ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ยืนยันเร่งรัดสอบสวนต่อเนื่อง โดยไม่ขึ้นอยู่กับผลการสอบของคณะอนุกรรมการ กกต. พร้อมปฏิเสธข้อสังเกตเรื่องการเชื่อมโยงทางกฎหมาย ก่อนตัดบทสื่อมวลชนและเดินออกจากวงสัมภาษณ์
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ห้องรับรอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินและการร่วมเป็นสมาชิกอั้งยี่ ซึ่งเชื่อมโยงกับกระบวนการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบปากคำพยานไปแล้วมากกว่า 60 ราย โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมถ้อยคำและพยานหลักฐานเพิ่มเติม
“พยานที่สอบไปมีหลากหลายกลุ่ม ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เราพยายามเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด” อธิบดีดีเอสไอกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกระแสข้อสังเกตว่า เหตุที่ยังไม่มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและอั้งยี่ อาจเนื่องมาจากต้องรอผลการทำงานของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. ก่อนหรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่า “ไม่ใช่เงื่อนไขใด ๆ เพราะทาง DSI ก็มีแนวทางการรวบรวมพยานหลักฐานของเราเช่นกัน”
นอกจากนี้ เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากคณะอนุกรรมการฯ ไม่แจ้งข้อกล่าวหาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77(1) กับบุคคลใด บุคคลนั้นจะรอดพ้นจากข้อกล่าวหาทางอาญาในคดีของ DSI ด้วยหรือไม่นั้น อธิบดี DSI กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่เกี่ยวกัน” ก่อนตัดบทผู้สื่อข่าวแล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มาตรา 77(1) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่กระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนน หรือไม่ลงคะแนน ให้แก่ผู้ใด โดยมีผลประโยชน์ตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง หรือประโยชน์อื่นใด อันมีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี