วันศุกร์, มิถุนายน 6, 2025
หน้าแรกHighlightเดือด!‘นายกฯอิ๊งค์’ปะทะฝีปาก‘นักข่าว’ หลังถูกจี้ถามปมชายแดนไทย-กัมพูชา
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เดือด!‘นายกฯอิ๊งค์’ปะทะฝีปาก‘นักข่าว’ หลังถูกจี้ถามปมชายแดนไทย-กัมพูชา

‘นายกฯแพทองธาร’ ลั่น “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” วันนี้ขอเลือกสันติวิธี แต่ยืนยันมีความพร้อมทุกด้านหากเกิดเหตุไม่คาดคิด รับ สัมพันธ์ครอบครัว-ฮุน เซน ดีจริง แต่ไม่มีใครยอมยกบ้านให้เพื่อน เชื่อ ไม่มีขบวนการสมคบคิดปั่นสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ก่อนปะทะฝีปากกับนักข่าว ชี้กันไปมา ถาม “เป็นไรป่าวคะ” ? ทำไมวันนี้ดุจัง

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.68 นางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ในที่ประชุมได้มีการย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีการปะทะกันที่ด่านช่องบก ซึ่งได้เน้นย้ำเรื่องการรวมกันเป็นหนึ่ง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้สิ่งสำคัญคือคนไทยต้องรักกัน สามัคคีกัน เพราะวันนี้ไม่ใช่การเมืองภายในประเทศ ที่จะต้องแบ่งฝ่ายว่าวันนี้รัฐบาลทำงานดีหรือไม่ดี ทหารทำงานดีหรือไม่แต่เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกัน พร้อมขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนทุกสำนักด้วย เพราะถือเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิด ไม่ว่าจะเป็นต่อคนหมู่มากหรือกลุ่มน้อยก็ตาม ต้องมีการสื่อสารว่าเมื่อถึงเวลาที่มีปัญหาระหว่างประเทศคนไทยต้องสามัคคีกันถึงจะมีแรงในการพูดคุยหรือเจรจา หรือการต่อสู้ก็ตาม ต้องใช้ความเป็นหนึ่ง ต้องใช้ความสามัคคีและความรักกันของทุกคนในชาติ เพื่อสนับสนุนกัน

น.ส.แพทองธาร กล่าวย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้หมายความว่าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง รัฐบาลฝ่ายค้านและประชาชน ก็คือประเทศไทย ขอให้ ทุกคนให้ความร่วมมือโดยเฉพาะเรื่องการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลหรือการปล่อย เฟคนิวส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และหากถามว่ารัฐบาลเคลื่อนไหวอย่างไรยืนยันว่ารัฐบาลทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่และต้องรักษาอธิปไตยของเราไว้ คือสิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่ต้องทำ ขณะเดียวกันรัฐบาลกับทหาร ก็มีการพูดคุยกันตลอดว่าจะไปทิศทางใด อย่างที่เพลงชาติไทยบอกไว้ว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด”

“เราเตรียมพร้อมที่จะรักษาความปลอดภัย ของคนไทยทุกคนแน่นอน และไม่ต้องสงสัยว่าคนในบริเวณที่มีปัญหาความสงบจริงหรือเปล่า เราเตรียมพร้อม หากเกิดการประทะขึ้นมาเราต้องพร้อมรับมือ เราไม่ใช่ประเทศที่บอกว่าสันติวิธี หากเกิดอะไรขึ้น ที่ผิดพลาดจะไม่พร้อม ไม่ใช่ เราเตรียมพร้อมทุกรูปแบบ แต่เราเลือกสันติวิธี เราเลือกสิ่งนี้ เพราะไม่อยากให้มีการประทะกัน ไม่อยากให้มีการเสียเลือดเสียเนื้อ ไม่ว่าจะคนในประเทศไหนก็ตาม ไม่อยากให้มีอย่างนั้น เพราะฉะนั้นอุปกรณ์และเครื่องมือพร้อม แต่พูดคุยได้ในทุกระดับในตอนนี้”น.ส.แพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในวันนี้นายภูมิธรรม เชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็จะเดินทางลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์ว่าหน้าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และจะมีการพูดคุยตามกรอบ JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนเพื่อลงรายละเอียด แต่ในช่วงนี้ก่อนที่จะถึงวันที่ 14 มิถุนายนเราคิดอยู่เสมอว่าคนในชาติของเราต้องรักกันและเข้าใจกันด้วยว่า ความร่วมมือต่างๆสำคัญมาก แต่ในรายละเอียดที่คุยกันในทุกระดับเราไม่สามารถมาแถลงเปิดเผยได้ทั้งหมด ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่แค่ของไทย จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ ขออย่ามองว่าเรื่องนี้การเมืองภาพเล็ก ที่คนที่ไม่ได้สนับสนุนกันจะต้องต่อสู้กัน ไม่จำเป็นและไม่ใช่นาทีนี้ วันนี้คนไทยต้องรวมกันเพื่อปกป้องพื้นที่และปกป้องคนไทยด้วยกันเอง นี่คือสิ่งสำคัญ

เมื่อถามว่า มีมีกระบวนการสมคบคิดระหว่างไทยกับกัมพูชาเพื่อปกป้องเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่คิดว่ามีแบบนั้น

ส่วนกรณีที่โซเชียลโจมตี ท่าทีของนายกฯ ความสัมพันธ์ในช่วงที่ผ่านมาประกอบกับความสัมพันธ์ของตระกูลนายกและสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ความสัมพันธ์ในระดับของผู้นำไม่เถียงว่าเป็นมิตรกัน ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย ที่เราจะมีเพื่อน ก่อนจะย้อนว่าอย่างตัวผู้สื่อข่าวเองกับเพื่อนข้างๆ ก็เป็นเพื่อนกันหรือไม่ ทุกคนมีเพื่อนได้แต่ถามว่าหากวันหนึ่งเพื่อนทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน ก็ต้องปรับความเข้าใจซึ่งจะเป็นเรื่องง่าย ยกหูคุยกันได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาตลอดไม่ใช่แค่กับกัมพูชาเท่านั้น มาเลเซียก็ทำรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน หลายประเทศที่คุยตรง

“แต่ถามว่าหากมีปัญหาจริง ทะเลาะกันแล้วเพื่อนบอกว่าเราขอบ้านเธอได้หรือไม่ ก็คงไม่มีเพื่อนคนไหน พี่จะบอกว่าได้จ้ะ ให้บ้านไป คงไม่มีแบบนั้น พร้อมย้ำว่าเพื่อนก็คือเพื่อนความสัมพันธ์อันดีมีจริง และ ตอนที่เกิดเรื่องตนและนายกฮุน มาเนต ก็ได้พูดคุยกันว่าจะถอยความรุนแรงไม่ให้มีการประทะกัน ซึ่ง ณ ให้ความร่วมมือจริงๆ แต่เหตุการณ์หน้างานที่เกิดขึ้นระดับผู้นำยังไม่ทราบ แต่ในพื้นที่ทราบแล้วก็มีการจัดการ ซึ่งต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย”นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า เข้าใจได้ว่าหลายเรื่องไม่สามารถเปิดเผยได้แต่ข้อเสนอแนะจากนักวิชาการ อยากให้รัฐบาลปรับยุทธศาสตร์เชิงรุกมากขึ้น ในการตอบโต้กัมพูชาเช่นการปิดด่านชายแดนชั่วคราว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราดูในเรื่องของความสงบสุข ว่าหากปิดด่านจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ จะเกิดหรือคุณอย่างไรบ้าง เรื่องนี้มีการปรึกษากับทหารตลอดว่าควรจะเดินหน้าอย่างไรบ้าง หน้างานอุณหภูมิประมาณไหน แล้ววันนี้ที่ออกแถลงการณ์แต่ช่วงเช้า รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และทหารได้มีการพูดคุยกัน ว่าจะออกแถลงการณ์แบบไหนให้ประชาชนทราบว่าเราพร้อมที่จะดูแลพี่น้องประชาชน แล้วเราพร้อมที่จะคุยกับต่างประเทศ ซึ่งเป็นใจความหลักที่อยากให้ประชาชนรับทราบและบอกว่าเราพร้อมที่จะคุยกับต่างประเทศด้วยสันติวิธี

ส่วนท่าทีของสมเด็จฮุนเซน และพลเอกฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ออกมาเหมือนจะไม่สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีออกมาเปิดเผยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เราต้องยืนยัน ถ้าเขาออกมารุนแรง แล้วเรารุนแรงกลับถามว่าสันติวิธีจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ถามว่าเราเตรียมการรับมือไหม “เตรียมแน่นอน” แต่วันนี้ถ้าเราเลือกได้เราเลือกสันติวิธีและวันนี้ยังเลือกได้

ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามกลับว่า “วันนี้มีการรุกล้ำพื้นที่เข้ามาแล้ว 200 เมตร” นายกรัฐมนตรีจึงถามกลับทันทีว่า “ได้ไปดูหน้างานหรือยัง” ผู้สื่อข่าวตอบโต้กลับทันทีว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันมาแล้ว ว่ามีการรุกล้ำเข้ามา 200 เมตร” ซึ่งช่วงนี้ได้มีการปะทะน้ำเสียงและสีหน้ากัน รวมถึงมีการชี้นิ้วไปหานายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการยืนยัน ทำให้นายกรัฐมนตรีชี้กลับและยืนยันว่า “ใช่ค่”ะ หลายรอบ ก่อนจะชี้ไปนายภูมิธรรม และบอกว่า “นี่ไงที่ต้องไปดู” และถามผู้สื่อข่าวว่า “จะลงพื้นที่ไปด้วยเลยหรือไม่ ไปด้วยกันเลย”

ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า “เขาไม่พาไป” ก่อนที่นายกฯจะยิ้มเยาะ และบอกว่า “ไม่เป็นไรนะคะ” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า “ไม่ได้เสียใจ” นายกจึงบอกว่า “โอเคๆ นึกว่าเสียใจ จะบอกว่าไม่เป็นไรนะคะ” และหัวเราะเยาะอีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นเอง ผู้สื่อข่าวได้หัวเราะกลับ นายกฯจึงถามกลับว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” นักข่าวจึงตอบว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ยิ้มค่ะ” ก่อนที่นายกฯจะเอามือทาบอก และบอกว่า “นักข่าวดุจังเลย วันนี้นักข่าวดุจังเลย”

จากนั้น เพื่อนผู้สื่อข่าวจึงได้เปลี่ยนประเด็นไปถามเรื่องอื่น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการตอบคำถามสื่อมวลชน นายกรัฐมนตรีได้เดินเข้ามาหานักข่าวที่จี้ถามเรื่องปมปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า วันนี้เขาโกรธอะไร” แต่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้เดินออกจากห้องแถลงข่าวไปแล้ว เนื่องจากมีงานอื่นต่อ

นายกฯจึงถามต่อว่า “ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเหวี่ยงมาก ก็เลยคิดว่าเป็นอะไรหรือไม่” เพื่อนผู้สื่อข่าวจึงตอบแทนว่า “ไม่มี เป็นคาแรคเตอร์ของนักข่าวคนดังกล่าว”

ก่อนนายกฯ จะกล่าวต่อ “งง ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะเห็นกัดฟัน หึ้ หึ้ หึ้ ! ใส่”

ก่อนผู้สื่อข่าวจะย้ำอีกอีกครั้งว่า “ไม่มีใครโกรธนายกฯ ให้กำลังใจตลอด แต่นายกไม่ได้โกรธใช่หรือไม่” ทำให้นายกรัฐมนตรีบอกว่า “ไม่มีอะไร ต้องถามเขาสิ ว่าโกรธอะไรหรือเปล่า”

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

ซาก“แผงโซลาร์เซลล์”จะไปไหนต่อ?

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img