วันศุกร์, มิถุนายน 6, 2025
หน้าแรกHighlightผงะ!‘เจ้าหน้าที่รัฐ’กว่า 70 คนถูกกล่าวหา เอี่ยวฮั้วสัญญาก่อสร้าง‘ตึกสตง.แห่งใหม่’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ผงะ!‘เจ้าหน้าที่รัฐ’กว่า 70 คนถูกกล่าวหา เอี่ยวฮั้วสัญญาก่อสร้าง‘ตึกสตง.แห่งใหม่’

‘รองอธิบดี DSI’ เผย ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ กว่า 70 คน ถูกกล่าวหา เอี่ยวคดีฮั้วประมูล สัญญาโครงการก่อสร้าง ‘ตึก สตง.แห่งใหม่’ บริษัทเอกชนโดนอีก 6 คน เตรียมส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ไต่สวน

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.68 ความคืบหน้ากรณีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาสำนวนการสอบสวน ขยายผลเรื่องสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญารับเหมาก่อสร้าง, สัญญาการออกแบบ และสัญญาการควบคุมงาน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ตามความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ “คดีฮั้วประมูล” โดยเจ้าหน้าที่พบพยานหลักฐานหลายอย่าง จนมีความชัดเจนแล้วว่ามีผู้บริหารระดับสูงของ สตง. เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ส่งข้อมูลให้กับ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง

ล่าสุดวันนี้ ร้อยตำรวจเอกสุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี “คดีฮั้วประมูล” เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราได้สอบสวนพิจารณา และได้ประชุมร่วมกันไปเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา แม้ส่วนตัวจะมีความเห็นว่า “จะต้องสอบสวนต่อไปก่อนอีกซักระยะหนึ่ง เพื่อให้ได้ซึ่งพยานหลักฐาน” แต่ในที่ประชุมทุกคนเห็นพ้องตรงกัน และมีความเห็นนำเสนอเรื่องถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า “เนื่องจากคดีดังกล่าว มีการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐ หรือหมายถึงผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จึงจะส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวนข้อเท็จจริง” ตามที่ได้มีผู้ร้องหรือมีผู้กล่าวโทษเข้ามา

เบื้องต้นพยานมี 2 คน โดยเขาเป็นคนที่ให้การว่าเขารู้เห็นในเรื่องรายละเอียดที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันข้อเท็จจริงตามหนังสือทั้งหมด ทั้งเรื่องการทุจริต, การล็อคสเปก และการดำเนินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญา ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ “คดีฮั้วประมูล” ม.10 ม.11 ม.12 และ ม.157 ตามประมวลกฎหมายอาญา

จากข้อมูลเบื้องต้น เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวโทษ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ผู้บริหารขององค์กรอิสระ ไม่ระบุชื่อว่ามีใครบ้าง แต่เยอะพอสมควร 2.คณะกรรมการที่เกี่ยวกับการออกแบบ 3 คณะ, การก่อสร้าง 3 คณะ และการควบคุมงาน 4 คณะ รวม 10 คณะ และ 3.คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารภาครัฐ 1 คณะ รวม 15 ท่าน ทำให้เจ้าพนักงานของรัฐที่ถูกกล่าวหาอยู่ที่ 70 กว่าคน ซึ่งเราจะเร่งสรุปสำนวนให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ และจะส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. ภายสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่า ในรายชื่อที่มีการกล่าวโทษ มีรายชื่อของ ผู้ว่าฯ สตง. คนปัจจุบันด้วยหรือไม่นั้น รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตอบว่า “เป็นชุดอดีต แต่จะมีชื่อผู้ว่าฯ สตง. คนปัจจุบันหรือไม่ ต้องรอให้ทาง ป.ป.ช. ไต่สวนก่อน รายละเอียดอยู่ในสำนวน เพราะนับตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน“

เมื่อถามย้ำว่า ที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูงของ สตง. ที่ถูกกล่าวโทษได้เข้ามาชี้แจงแล้วหรือไม่ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตอบว่า “เรามีหนังสือชี้แจงไป เรื่องของหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาให้การ โดยเฉพาะในเรื่องรายละเอียดของการดำเนินการ รวมไปถึงกระบวนต่างๆ ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง”

นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังอธิบายพฤติการณ์และหลักฐานที่พบในคดีนี้ คือการดำเนินการควบคุมงานของบริษัท PKW ซึ่งในรายละเอียดตามหลักการคัดเลือกบริษัทแล้ว จะมีการพิจารณาอยู่ 3 หมวด รวม 100 คะแนน ได้แก่ วิธีการดำเนินการ 50 คะแนน, บุคลากร 40 คะแนน และประสบการณ์ 10 คะแนน แต่ปรากฎว่าในส่วนของบุคลากร พบมีการปลอมลายมือชื่อ และเอาชื่อบุคคลอื่น ซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการในเรื่องของใบเสนอราคาในการคัดเลือก รวมไปถึงพบการปลอมเอกสารที่ทำให้คะแนนตัวเองโดดเด่น ถือว่าเป็นความผิด จึงมีการกล่าวหาดำเนินคดีกับบริษัท PKW รวมแล้ว 6 คน

ส่วนกรณีที่มีผู้กล่าวหา คือ ในเรื่องการจ้างช่วง แต่ทาง สตง. ยืนยันว่าบริษัท ก้าวพีเค ไม่ได้เป็นการจ้างช่วง และไม่มีรายชื่อ ทั้งหมดเป็นข้อมูลเอกสารประกอบให้ทาง ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง

เช่นเดียวกับกลุ่มที่ 3 คือ คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารภาครัฐนั้น รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ในเรื่องของการควบคุมงาน ส่วนนี้พบความผิดปกติในการคัดเลือกบริษัทควบคุมงานและวิธีการคัดเลือก ซึ่งปกติแล้วตามกฏหมายจะต้องมีหนังสือเชิญชวนไม่น้อยกว่า 3 ราย แต่ทาง สตง. เชิญไปทั้งหมด 19 ราย และใน 19 รายนี้ ปรากฎว่าไม่มีบริษัทผู้เชี่ยวชาญ แต่กลับพบว่าความผิดปกติของ 2 บริษัทที่เข้ามาร่วมกันภายหลัง และไม่ได้อยู่ในข้อเสนอ คือ บริษัท ว.และสหายฯ และบริษัท PKW โดบทางผู้ดำเนินการได้ทำเรื่องขอยกเว้นหลักเกณฑ์ เสนอไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยข้อกฎหมายตาม ม.29 เพื่อให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎกระทรวง ทำให้มีการกล่าวหาว่า ”การยกเว้นเรื่องนี้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ 2 บริษัทนี้หรือไม่“ โดยจากหลักฐานเราพบว่า มีการยกเว้นจริง แต่เรื่องการดำเนินการหรือเรื่องเอื้อประโยชน์หรือไม่ เป็นเรื่องต้องไต่สวนของทาง ป.ป.ช. ไม่สามารถตอบได้ เพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

วันนี้ดีเอสไอได้เชิญกรมโยธาฯ เข้ามาดำเนินการในเรื่องของการคัดเอกสาร หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจค้นทั้งหมด 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 เรามีเอกสารทั้งหมด 121 ลัง ซึ่งเราจะพยามคัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องในประเด็นตามคำกล่าวหาส่งไป แต่ส่วนในส่วนไหนที่ไม่เกี่ยว จะส่งคืนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมไปถึงหลักฐานบางอย่างที่จะต้องรอผล เช่น สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็จะส่งไปในภายหลังด้วย

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

ซาก“แผงโซลาร์เซลล์”จะไปไหนต่อ?

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img