วันศุกร์, มิถุนายน 13, 2025
หน้าแรกHighlight“นายกฯอิ๊งค์”ลุยชายแดน“ไทย-กัมพูชา” สั่งประสานเวลาเปิด-ปิดด่านเพื่อการค้า
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นายกฯอิ๊งค์”ลุยชายแดน“ไทย-กัมพูชา” สั่งประสานเวลาเปิด-ปิดด่านเพื่อการค้า

แพทองธาร” ลงพื้นที่สุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เน้นย้ำสันติภาพและประโยชน์ของประชาชน

เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 11 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ ก่อนจะเดินทางต่อโดยเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจไปยังจังหวัดสุรินทร์ และเปลี่ยนเป็นรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน นข 6689 สุรินทร์ มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นประธานในการประชุมติดตามการคลี่คลายสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ในการประชุมครั้งนี้มีคณะรัฐมนตรีร่วมประชุมอย่างพร้อมหน้า ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีประชาชน หน่วยงานราชการ กลุ่มเยาวชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ทั้ง 8 เขตให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ระหว่างการประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้รายงานว่า การเปิด-ปิดด่านชายแดนมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น. มาเป็นเฉพาะวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 08.00 – 15.00 น. ขณะที่ฝั่งกัมพูชาเปิดตั้งแต่ 09.00 – 16.00 น. ทำให้มีเวลาที่ด่านทั้งสองประเทศเปิดตรงกันเพียง 6 ชั่วโมง

นายกรัฐมนตรีจึงสอบถามต่อว่า จะสามารถประสานเพื่อให้เปิด-ปิดตรงกันหรือไม่ โดยเน้นว่า “ถ้าเรายึดถือผลประโยชน์ของประชาชน เปิดตรงกันจะได้ค้าขายได้เท่ากัน อันนี้จะดีกว่า ขอให้ลองดู คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีปัญหา”

แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่าอาจมีนัยทางการเมืองบางประการ และจะเร่งหารือกับกองทัพกัมพูชาเพื่อประสานให้เปิดด่านอย่างสอดคล้องกัน พร้อมกับระบุว่าทางหน่วยงานด้านความมั่นคงและผู้ว่าฯ ในพื้นที่จะหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

นายกฯ ยังกล่าวถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย โดยระบุว่า “เมื่อสักครู่ได้มีการพูดถึงเรื่องหลุมหลบภัย ขอให้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทยว่าต้องการซ่อมแซมอย่างไร เพราะชีวิตของเด็กนักเรียนต้องได้รับความรู้ว่าเมื่อไรควรใช้หลุมหลบภัย และอยากให้บรรจุอยู่ในการเรียนการสอนทุกปี ไม่จำกัดเฉพาะช่วงวิกฤติ เหมือนในประเทศญี่ปุ่น”

พร้อมกันนี้ นายกฯ กล่าวขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งอยู่หน้างานอย่างต่อเนื่องและต้องเผชิญแรงกดดันสูง โดยยืนยันว่า “คนที่อยู่หน้างานคือคนที่เห็นสถานการณ์จริง เราต้องไม่ปล่อยให้กระแสสังคมกลายเป็นแรงกดดันเกินจริง เพราะเมื่ออยู่ตรงนั้น เราเห็นอาวุธของกันและกัน หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาจริงๆ จะไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือความสงบสุข”

นายกรัฐมนตรียังกล่าวย้ำถึงการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ ระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกองทัพ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมในการดูแล “บ้าน” ขณะที่ “ทหารคือรั้ว” เพื่อสร้างความมั่นคงแบบยั่งยืน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ และต้องการให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจตรงกัน

“อย่าให้เกิดเฟกนิวส์หรือความเข้าใจผิด ทุกคนที่มีตำแหน่งสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ ชี้แจงได้ว่าอะไรคือเรื่องจริง รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ข่าวลวงทำให้เกิดความวุ่นวาย ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเป็นทีมเดียวกัน เพราะประเทศไทยเป็นของพวกเราทุกคน”

สุดท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวอย่างหนักแน่นว่า


“ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้นำหรือกองทัพ เป้าหมายเดียวกันคือต้องรักษาสันติภาพเอาไว้ ส่วนรายละเอียดในการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน จะดำเนินการเป็นรายประเด็น ไม่รวมประเด็นอื่นเข้าด้วยกัน เพื่อความชัดเจนและลดความขัดแย้ง”

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

“โรงไฟฟ้าใหม่”…ที่ไม่รู้ชะตากรรม!!!

เตือน!!! “ฟิต”แค่ไหน ก็หัวใจวายได้

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img