“อนุทิน” ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี พร้อมเปิดใจถึงแนวคิด “การเมืองใหม่” ที่ต้องร่วมมือทุกฝ่ายเพื่อประชาชน ไม่ว่าต่างพรรค พร้อมเผยความสัมพันธ์กับนายกฯ “แพทองธาร” ยังมั่นคง ย้ำกระแสปรับครม.ไม่เคยหารือ พร้อมวางบทบาท มหาดไทย-กองทัพ เดินหน้าปกป้องชายแดนอย่างมั่นคง
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดอุดรธานี ร่วมกับนายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ ส.ส. พรรคไทยสร้างไทย ถึงประเด็นที่มีการประกาศบนเวทีว่าทั้งสองมีความสนิทสนมกัน ว่า นี่คือ “การเมืองยุคใหม่” ที่ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย พรรคการเมืองต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของประชาชน เพราะงบประมาณเป็นของแผ่นดิน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
“หาก ส.ส.คนใด นำเสียงของประชาชนมาแจ้ง ผมก็พร้อมลงพื้นที่กับทุกคน เพราะหน้าที่เราคือรับใช้ประชาชน” นายอนุทินกล่าว
ต่อข้อถามถึงแนวโน้มการร่วมงานกับพรรคอื่นในอนาคต นายอนุทินขออย่าเพิ่งพูดเรื่องการเลือกตั้ง โดยชี้ว่าหากรัฐบาลชุดนี้อยู่ครบเทอมก็จะยาวไปถึงปี 2570 พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีรัฐบาลใดปล่อยให้สภาหมดอายุโดยไม่ยุบสภา เพราะการขับเคลื่อนอาจติดขัด
นายอนุทินทยังระบุว่า การฟอร์มรัฐบาลไม่ควรมองเป็นเพียง “คณิตศาสตร์ทางการเมือง” เพราะประชาชนไม่สนใจว่าใครมีเสียงเท่าไร แต่ใครทำงานให้พวกเขาได้จริง “เราต้องจริงใจ มีเป้าหมายร่วมกัน อย่าเอาใครคนหนึ่งเป็นศูนย์กลาง แต่ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง”
ส่วนความสัมพันธ์กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอนุทินยืนยันว่า “ยังมั่นใจและเชื่อใจ” พร้อมระบุว่าไม่ได้หารือเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี แม้จะมีข่าวลือในวงกว้าง ย้ำว่าคุยกันเฉพาะเรื่องงานและสถานการณ์ในพื้นที่ต่าง ๆ
กรณีที่มีกระแสข่าวว่าเขาไปรับประทานอาหารกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอนุทินถึงกับตอบว่า “ฮะ? เมื่อไหร่? ไม่มี” พร้อมยืนยันว่าเคยพบกันเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเท่านั้น
ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ พรรคภูมิใจไทยจะจัดประชุมกรรมการบริหารพรรคตามปกติ เพื่อหารือการเปิดสมัยประชุม และแนวทางการปกป้องงบประมาณของกระทรวงต่าง ๆ ที่พรรคดูแล เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
นายอนุทินยังกล่าวถึงผลโพลจากมหาวิทยาลัยมหิดลที่กระทรวงมหาดไทยอยู่ลำดับท้ายในการถูกเรียกร้องให้ปรับ ครม. ว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะถือเป็นการสะท้อนความพอใจในการทำงานของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย
ขณะเดียวกัน นายอนุทินย้ำว่าการทำงานของรัฐบาลต้อง “เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง” โดยเฉพาะในประเด็นความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งควรมอบอำนาจให้กองทัพตัดสินใจ พร้อมกล่าวว่า “กระทรวงมหาดไทยก็อยู่ในพื้นที่ คอยสนับสนุนและระวังหลังให้ทหารตามสโลแกน ‘ทหารเป็นรั้ว มหาดไทยเป็นบ้าน’ ของนายกฯ”
สุดท้าย นายอนุทินเรียกร้องให้ประชาชนอย่าเพิ่มความขัดแย้ง พร้อมขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพ และร่วมมือกันเพื่อความปลอดภัยและสันติสุขของประเทศ.
