ท่วมท้น! ‘สว.’ ลงชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ-ป.ป.ช. ถอดถอน ‘แพทองธาร’ จากตำแหน่ง ‘นายกฯ’ ซัดผิดจริยธรรมร้ายแรง มีพฤติการณ์ขายชาติ เซ่นปมคลิปเสียงอ่อนน้อม ‘ฮุน เซน’ ผู้นำกัมพูชา ‘สวัสดิ์’ ร้องเอ๊ะ ทำไมเราอ่อนด้อยขนาดนั้น เชื่อทุกคนคิดได้ รุนแรงขนาดไหน ตอบชัด มั่นใจฝ่ายทหารจัดการปัญหาชายแดนได้ ปัดตอบ ‘อนุทิน’ เหมาะนายกฯ คนต่อไป บอกเป็นเรื่องรัฐสภา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 มิ.ย.68 ที่รัฐสภา พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมคณะ สว. แถลงเรียกร้องขอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งว่า ขอแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ หลังเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คลิปเสียงสนทนาเป็นของตนกับสมเด็จฮุนเซนจริง มีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า เป็นคน ฝ่ายตรงข้าม ด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร กองทัพที่ทำหน้าที่ รักษาอธิปไตย อีกทั้งการสนทนาเป็นการยินยอม อ่อนข้อ และอ่อนน้อม ให้อริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย แสดงท่าทีพร้อมตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง
พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ประชาชนหมดความเชื่อถือศรัทธา ที่ผ่านมาพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาลส่อถึงความเป็นคนไม่รักชาติ บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ
บัดนี้ความอดทนคนในชาติสิ้นสุดแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กมธ.ทหาร และ สว. ขอเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
กมธ.ทหารฯ เห็นว่า การกระทำของน.ส.แพทองธารอาจเข้าข่ายความผิด ดังนี้ 1.ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ระบุว่า บุคคล มีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ประเทศ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มาตรา52 รัฐต้องพิทักษ์ รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศ ไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อย ของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มี ประสิทธิภาพ มาตรา164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน ครม.ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต รอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
พล.อ.สวัสดิ์กล่าวว่า 2.ผิดประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานกบฏ หรือคบคิดกับบุคคล ซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ หรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

3.ส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา หมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุนเซน ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา160 ขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
กมธ.ทหาร และ สว.ไม่อาจปล่อย น.ส.แพทองธารที่เป็นบุคคลฝั่งเดียวกับกัมพูชา เป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย ให้บริหารประเทศต่อไปได้ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่ง และยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า กมธ.ไม่อาจปล่อยให้บุคคลที่เป็นฝั่งตรงข้ามประเทศไทยบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว มีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธารออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา160 ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง โดยจะไปยื่นถอดถอนต่อศาลรัฐธรรมนูญ และป.ป.ช. ในวันที่ 19 มิ.ย.ต่อไป
ขอให้ประชาชนรับฟังข่าวสารอย่างมีสติ อย่า หลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม ปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี จะซ้ำเติมสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย กมธ.ทหารและ สว.ตระหนักในบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบต่ออธิปไตย และความมั่นคงของชาติ ด้วยการทำหน้าที่เพื่อประเทศและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด พร้อมยืนเคียงคู่ประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อรักษาอธิปไตย และประเทศสุดกำลัง “เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน”
จากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม เมื่อถามว่าจะไปยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีที่หน่วยงานไหนบ้าง พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการลงรายชื่อ เมื่อครบแล้วจะไปยื่นทันทีในช่วงบ่ายวันนี้
เมื่อถามถึงผลกระทบหลังจากนี้ หากนายกรัฐมนตรี ไม่ลาออกหรือยุบสภา พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นการตัดสินใจของฝ่ายรัฐบาล แต่ในความรู้สึกของประชาชนคนไทย ข้าราชการ ทหาร มองว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินไปแล้ว โดยเฉพาะกรณีที่บอกว่าแม่ทัพภาคที่สองไม่ได้เป็นพวกเรา กลายเป็นว่านายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภาของกัมพูชาเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งตรงนี้คงไปไม่ได้แล้ว
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงเรียกร้องให้ลาออกแทนที่จะยุบสภา หรือวิธีการอื่นหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เราเรียกร้องให้ลาออก พร้อมทั้งดำเนินการตามกฎหมาย ตามบทบาทหน้าที่ ที่สามารถทำได้
เมื่อถามย้ำว่าหากไม่ลาออก การเมืองจะไปสู่ทางตันหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตนมั่นใจว่าคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน มาถึงขนาดนี้แล้ว คิดว่ารัฐบาลคงมีหนทางในการตัดสินใจที่เป็นทางออกและเป็นผลดีต่อประเทศไทย
เมื่อถามถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มีอยู่ มองว่าหากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เหมาะสมหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐสภา และเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่าการมีสุญญากาศแบบนี้ จะทำให้การแก้ไขปัญหากัมพูชายากขึ้นหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า สิ่งทุกอย่างเปิดมาแล้วว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หากต่อไปคงมีความชัดเจนมากขึ้นในการแก้ปัญหาร่วมกัน ตนคิดว่าเป็นผลดี

เมื่อถามว่าวุฒิสภาจะยังเดินหน้าขอเปิดประชุมอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ ม.153 เพื่อหารือปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า จากการประชุมของวิปวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย. 68) เรามีมติร่วมกันว่าถ้าสถานการณ์ยังไม่มีอะไร เราอาจจะรออีกสักเดือนหนึ่ง แต่หากมีสถานการณ์อะไรที่เพิ่มมากขึ้น อาจจะต้องไปถึงตรงนั้นให้ไวที่สุด เมื่อมีการเปิดสมัยประชุมสภา
เมื่อถามว่าในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนยังไว้วางใจให้รัฐบาลแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวยืนยันว่า เราไว้ใจและเชื่อมั่นฝ่ายทหาร ที่จะปกป้องรักษาอธิปไตยและดินแดน ย้ำว่ายังไว้ใจและมั่นใจอยู่
เมื่อถามย้ำว่าแต่ในการสั่งการ ก็ยังต้องออกมาจากผู้นำรัฐบาล พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพี่น้องประชาชน หรือสื่อมวลชนทุกท่านคงจะเห็นและตัดสินใจได้
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากเกิดทางตัน แล้วนำไปสู่รัฐประหาร พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เรื่องรัฐประหาร เราอย่าเอามาเป็นกังวล เพราะตนคิดว่าฝ่ายรัฐบาลน่าจะมีทางออกที่ดี คงไม่ไปถึงขนาดนั้น และตนมองว่าไม่ว่าจะเป็นทหารยุคไหนสมัยไหน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ หรือไม่ใช่เรื่องความเสียหายของประเทศชาติจริงๆ ไม่มีใครอยากจะทำ เพราะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ฉะนั้น ถ้าไม่ถึงกับความเสียหายของประเทศชาติไม่มีใครอยากทำ
เมื่อถามกรณีคลิปเสียงนี้ เทียบกับเหตุการณ์ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมสุดซอย ถือว่าร้ายแรงกว่าหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า กรณีนี้ ตนมองว่ามันชัดเจน
เมื่อถามย้ำว่ากรณีนี้ยังมองว่าไม่ใช่ความเสียหายใช่หรือไม่ กลุ่ม สว.ที่ยืนอยู่ด้านหลังร้องโห ก่อนที่พล.อ.สวัสดิ์ จะกล่าวว่า ตนคิดว่าเสียหายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเกียรติภูมิของไทย และประชาชนคนไทยเห็นว่าทั้งมีการอ่อนข้อ อ่อนน้อมทุกอย่าง
“ในคลิปไม่มีการรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติเลย มีแต่ฝ่ายตรงข้ามอยากได้อะไร ซึ่งผมคิดว่าทุกคนฟังแล้วคงใช้วิจารณได้ว่ารุนแรงขนาดไหน เราเป็นคนไทย รู้สึกว่าเราเอ๊ะ ทำไมเราอ่อนด้อยขนาดนั้น เป็นความรู้สึกที่ไม่ดี” พล.อ.สวัสดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าในสถานการณ์แบบนี้ มองว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรมีคุณสมบัติอย่างไร ที่จะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์นี้ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐสภา ซึ่งคุณลักษณะของผู้นำ ที่มาเข้ามา ตนคิดว่าทุกคนมีในใจอยู่แล้วว่าควรเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ต้องมีความรักชาติ รักแผ่นดินเป็นที่ตั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าว กลุ่ม สว.บางส่วนได้ลงมาเซ็นรายชื่อ บริเวณด้านหลังจุดแถลงข่าว เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอนนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รายชื่อครบเกินกว่า 1 ใน 3 จำนวน 67 คน มากกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว.