“จิรายุ” เผยข้อสั่งการนายกฯ แพทองธาร ชงบูรณาการทุกหน่วยสกัดธุรกิจสีเทา พบยอดจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์พุ่งกว่า 2 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายเฉียด 1 พันล้านบาท จับตาขบวนการสวมสิทธิ์สินค้าต่างชาติ-โรงงานฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมสั่งสอบเชิงลึกเจ้าหน้าที่รัฐพัวพันรับส่วย!
เมื่อวันที 22 มิ.ย.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมชี้แจงการดำเนินการแก้ไขปัญหาการนำเข้า การละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ ธุรกิจผิดกฎหมาย บุหรี่ไฟฟ้า และนอมินี
ร่วมกับ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล 1111 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กอรมน.ฝ่ายเศรษฐกิจ ว่า
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในเรื่อง บุหรี่ไฟฟ้า การลักลอบนำเข้าและขายสินค้าลิขสิทธิ์ การป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย อาทิ 1. การจดทะเบียนของบริษัทนอมินี 2. การลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน 3. การลักลอบสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทย และ 4. โรงงานต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย และการรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ
ทั้งนี้ ตนได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้าลิขสิทธิ์ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 จนถึงปัจจุบัน โดยรับทราบผลการดำเนินงาน จากผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า การปราบปรามธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2567 – 31 พ.ค. 2568 ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดแล้ว 861 ราย และมีมูลค่าเสียหายรวม 15,296 ล้านบาท
ขณะที่ กรมศุลกากร จับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ในปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566 – 30 ก.ย. 2567 ยึดสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญารวม 1,138,566 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 47,341,510 บาท และงบประมาณปี 2568 ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2568 ยึดสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญารวม 74,253 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 27,063,702 บาท
ด้านกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ รายงานผลการปฏิบัติ ตั้งแต่เดือนต.ค. 2566-ก.ย. 2567 ในฐานความผิดเรื่อง พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ และ พ.ร.บ. สิทธิบัตร คดีจับ 686 ราย ผู้ต้องหา 686 คน ของกลาง 1,891,968 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 365,682,493 บาท
ส่วน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ลงตรวจสอบพื้นที่แพร่ระบาดของสินค้าลิขสิทธิ์ ได้แก่ ศูนย์การค้า MBK ซึ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาดหลัก ภายหลังการดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม และจับกุม พบว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายสินค้า จากรูปแบบหน้าร้าน เป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม
สำหรับกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รายงานผลการดำเนินงานว่าได้มีการประสานงานร่วมกับหน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการป้องกันและปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งยังมีการดำเนินการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเป็นการกระตุ้นผู้ขายและผู้ซื้อให้ทราบว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
โดยการดำเนินการประจำปีของ กอ.รมน. มี 3 โครงการ ได้แก่ โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โครงการพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และโครงการประสานงานและแก้ไขปัญหาด้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ด้านกรมสอบสวนคดีพิเศษ รายงานผลการดำเนินงานในรอบปีงบประมาณ 2567 และ 2568 โดยในปี 2567 มีคดีพิเศษจำนวน 16 คดี ดำเนินการแล้วเสร็จ 7 คดี ยึดของกลางได้ 224,477 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 275,701,200 บาท และปี 2568 มีคดีพิเศษ 8 คดี ยึดของกลางได้ 847,928 ชิ้น มีมูลค่าความเสียหาย 269,578,408 บาท
นายจิรายุ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อหาแนวทางการดำเนินการทำงานที่สามารถบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและข่าวสารต่าง ๆ เข้ามาร่วมกัน เพื่อให้มีแนวทางการทำงานและกรอบการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอนายกฯเป็นข้อสั่งการ เพื่อยกระดับการทำงานของรัฐบาลที่รวดเร็วและชัดเจนต่อไป
ทั้งนี้ คณะทำงานยังได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมากว่า เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานรับสินบนจากผู้กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ สืบสวนสอบสวนในทางลับเพื่อเตรียมสรุปรายงาน เพื่อยื่นคำร้องฟ้องเอาผิด เจ้าหน้าที่ ที่มีพยานหลักฐานชัดเจน ทั้งผู้ทำหน้าที่เก็บส่วยผู้เปิด บัญชี ม้าที่พบว่า เชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และเส้นทางการเงินที่ไปยังเจ้าหน้าที่ และคนใกล้ชิดหลายส่วน ต่อ ปปท.ปปช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป