”ซูเปอร์โพล’’เผยสถานการณ์โควิดสร้างความสับสนทางสังคมและความทุกข์ให้ประชาชน เรื่องใหญ่คือปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและปัญหาวัคซีน โควิด-19
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ทุกข์ของคนไทย ใครช่วยได้ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพในกรุงเทพมหานครโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,116 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5-9 กรกฎาคม 2564
ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.4 ทุกข์ใจเงินรายได้ที่หดหายไป และการตกงาน นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.3 ระบุ วัคซีนโควิด-19 ไม่พอ และร้อยละ 61.8 ระบุ ความยากจนจากหนี้สินนอกระบบ
ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.5 ระบุ ด้านการศึกษาสะดุด ช่วงโควิด เด็กนักเรียน นักศึกษา เยาวชน ได้รับผลกระทบไม่ได้รับการศึกษาเต็มที่ เด็กยากจนพิเศษเพิ่ม ร้อยละ 51.9 ระบุ ปัญหาอาชญากรรม การหลอกลวง ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
เมื่อแบ่งออกเป็นความทุกข์จำแนกระหว่าง ชาย และ หญิง พบว่า โดยรวม ผู้หญิงกำลังทุกข์ใจมากกว่าผู้ชาย โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.3 ของผู้หญิง เทียบกับร้อยละ 65.4 ของผู้ชายกำลังทุกข์ใจกับเงินรายได้ในที่หดหาย คนตกงาน แต่ในเรื่อง วัคซีนโควิด-19 ไม่พอ พบว่า ร้อยละ 67.0 ของผู้ชาย เทียบกับร้อยละ 65.7 ของผู้หญิง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.0 ของผู้หญิงเทียบกับร้อยละ 59.3 ของผู้ชายกำลังทุกข์ใจเรื่องความยากจน หนี้สินนอกระบบ
ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ผลการศึกษายังพบด้วยว่า ร้อยละ 64.8 ของผู้หญิงและร้อยละ 57.7 ของผู้ชายทุกข์ใจด้านการศึกษาสะดุด ช่วงโควิด เด็กนักเรียน นักศึกษา เยาวชนได้รับผลกระทบไม่ได้รับการศึกษาเต็มที่ เด็กยากจนพิเศษเพิ่ม จะเป็นปัญหาใหญ่ระยะยาว และร้อยละ 58.0 ของกลุ่มผู้หญิง เทียบกับร้อยละ 45.0 ของกลุ่มผู้ชายทุกข์ใจเรื่องปัญหาอาชญากรรม การหลอกลวง ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกตามระดับรายได้ พบว่า คนรายได้สูงมากกว่า 50,000 บาทขึ้นไปต่อเดือนกลับกลายเป็นกลุ่มคนที่ทุกข์ใจกับเงินในกระเป๋าที่หายไป รายได้หด คนตกงาน มากกว่า คนในทุกกลุ่มรายได้ กล่าวคือ ร้อยละ 77.8 ของกลุ่มคนรายได้มากกว่า 50,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน ร้อยละ 70.2 ของกลุ่มคนรายได้ 30,001 – 50,000 บาทต่อเดือนร้อยละ 65.3 ของกลุ่มคนรายได้ 15,001 – 30,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่ร้อยละ 66.3 ของกลุ่มคนรายได้ 10,001 – 15,000 บาทต่อเดือน และร้อยละ 69.5 ของกลุ่มคนรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนเป็นทุกข์ใจกับเงินในกระเป๋าที่หายไป รายได้หด คนตกงาน
ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเช่นกันคือ ปัญหาด้านการศึกษาที่ได้รับผลกระทบช่วงโควิด เด็กนักเรียน นักศึกษา เยาวชนได้รับผลกระทบไม่ได้รับการศึกษาเต็มที่ เด็กยากจนพิเศษเพิ่ม โดยพบว่า ร้อยละ 88.9 ของกลุ่มคนรายได้มากกว่า 50,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน ร้อยละ 64.9 ของกลุ่มคนรายได้ 30,001 – 50,000 บาทต่อเดือนร้อยละ 63.3 ของกลุ่มคนรายได้ 15,001 – 30,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 56.0 ของกลุ่มคนรายได้ 10,001 – 15,000 บาทต่อเดือน และร้อยละ 62.5 ของกลุ่มคนรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน ทุกข์ใจกับปัญหาด้านการศึกษาที่ได้รับผลกระทบช่วงโควิด เด็กนักเรียน นักศึกษา เยาวชนได้รับผลกระทบไม่ได้รับการศึกษาเต็มที่ เด็กยากจนพิเศษเพิ่ม จะเป็นปัญหาใหญ่ระยะยาว
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลการสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นความทุกข์สะสมของคนไทยจากผลกระทบโควิดระยะยาว ที่มีมากกว่าเรื่องใหญ่ที่สะท้อนผ่านสังคม คือ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและปัญหาวัคซีน โควิด-19 แต่ที่น่าเป็นห่วงไปกว่าเรื่องวัคซีนและเงินในกระเป๋าของประชาชน คือ การสะท้อนปัญหาสังคมในระยะยาว โดยเฉพาะด้านการศึกษาและความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
“ประชาชนกำลังทุกข์ใจ เรื่องการศึกษา บุตรหลานจำนวนหนึ่งไม่ได้รับการศึกษาและส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่ เพราะยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ผลที่อาจตามมาในระยะยาว คือ ความเหลื่อมล้ำในมิติต่าง ๆและโอกาสของประชาชนกลุ่มต่างๆในสังคม กำลังถ่างออกห่างมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบและตกงาน ที่ส่งผลต่อรายได้ ปากท้อง และมีผลกระทบให้ลูกหลานหลายครอบครัวต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งยิ่งสร้างปัญหาให้เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมากขึ้น คนจนหลายครอบครัวพยายามดิ้นรนสุดชีวิตที่จะให้ลูกหลาน มีโอกาสที่ดีในสังคมอนาคต โดยเฉพาะโอกาสทางการศึกษาทางเดียวที่เขามีความหวังและพอให้ได้ นี่คือความทุกข์ของคนไทย ที่ไม่ควรมองข้าม ” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์โควิด ที่กำลังสร้างความสับสนทางสังคม ความทุกข์ของประชาชนส่วนใหญ่ด้านการศึกษาของบุตรหลาน เป็นสิ่งที่รัฐไม่อาจมองข้าม จำเป็นที่รัฐต้องให้ความสำคัญเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาไม่น้อยกว่าปัญหาด้านอื่นๆ โดยถือเป็นความเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไข และมีความชัดเจนทางนโยบายและการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในทุกระดับการศึกษา หากปล่อยไว้เด็กและเยาวชน อาจถูกละเลยทอดทิ้งและเป็นปัญหาช่องว่างของสังคมที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างน่าเสียดาย
ทั้งนี้ การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีและการสื่อสารชัดเจนเข้าถึงทุกกลุ่มครอบคลุมเป้าหมายในนโยบายที่มีทิศทางตรงกับยุทธศาสตร์และแผนการพัฒนาประเทศกระตุ้นพัฒนาการด้านการศึกษาอย่างกระตือรือร้นระดับพื้นที่และสนับสนุนช่วยเหลือเด็กยากจนพิเสษที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาที่เป็นความหวังและโอกาสของประเทศให้เป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชนและภาคประชาสังคมต้องร่วมขับเคลื่อนผลักดันกันอย่างเต็มแรงเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางสังคมและทางเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้