ผบ.ทบ. สั่งเพิ่มมาตรการป้องกันกำลังพล ต้องแข็งแรง การ์ดอย่าตก เพื่อพร้อมทำงานในทุกสภาวะ
พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก/โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับ สถานการณ์โควิด โดยระบุว่าทั่วโลกยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนในประเทศไทย มาตรการป้องกันของรัฐบาลยังคงสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดได้
ในส่วนของกองทัพบก พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ดังกล่าว และมีความห่วงใยในสุขภาพของกำลังพล โดยเฉพาะช่วงต่อจากนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาว การกำหนดมาตรการป้องกันจำเป็นต้องมีการปรับให้เข้ากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้หน่วยทหารของกองทัพบก ศบค.-19 ทบ. และ กรมแพทย์ทหารบก ร่วมกัน กำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการป้องกัน ดูแลกำลังพลเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และสามารถปฏิบัติทุกภารกิจได้อย่างดีที่สุด ในทุกสภาวการณ์ ครอบคลุมทั้งการทำงานในประเทศและการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ
ล่าสุด ศบค.19 ทบ. จึงได้กำหนดมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในห้วงฤดูหนาวเพิ่มเติม ให้กับหน่วยทหารนำไปปฏิบัติ โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุม เรื่องการปฏิบัติตนให้ถูกหลักสุขอนามัย เน้นมาตรการการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลให้แข็งแรงด้วยการปฏิบัติตนตามวินัยทหารต้านโควิด ในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ออกกำลังกาย การปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) หลีกเลี่ยงการสัมผัสทางกายภาพ การเข้าร่วมชุมชนที่มีผู้คนหนาแน่น และส่งเสริมการใช้การประชุม/การประสานงานผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (VTC) เป็นต้น ที่สำคัญคือ หากกำลังพลมีการเจ็บป่วย ให้เคร่งครัดในการแยกผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจออกจากส่วนรวมโดยเร็ว โดยให้เป็นไปตามกระบวนการตรวจรักษาและการสอบสวนโรค
นอกจากนี้กองทัพบกจะได้ใช้เครือข่ายมวลชน อาทิ ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน และ อาสาสมัครกิจการพลเรือนกองทัพบก ในพื้นที่ต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนและชุมชนรักษาระดับของการปฏิบัติตนตามมาตการป้องกันโควิดในช่วงฤดูหนาวนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน กองทัพบกยังคงสนับสนุนรัฐบาลและดูแลประชาชนในสถานการณ์โควิดต่อเนื่องในหลากหลายภารกิจ อาทิ มอบหมายให้กองกำลังชายแดนเพิ่มมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สนับสนุนการคัดกรองโรคตามจุดผ่านแดน จำนวน 22 แห่ง จัดกำลังพลสนับสนุนภารกิจการควบคุมโรค ณ พื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ 12 แห่ง เตรียมสถานที่และสถานพยาบาลเพื่อรองรับผู้ป่วย การให้คำแนะนำ และแจกจ่ายหน้ากากอนามัย การสร้างความตระหนักรู้แก่กำลังพล ครอบครัว และประชาชน รวมถึงการช่วยเหลือแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชน ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจในรูปของ Army Delivery