วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกHighlight“พท.”ปูดส่วนต่าง 2 พันล.ซื้อซิโนแวค ซัด“บิ๊กตู่-หมอหนู”คาดสถานการณ์ผิด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พท.”ปูดส่วนต่าง 2 พันล.ซื้อซิโนแวค ซัด“บิ๊กตู่-หมอหนู”คาดสถานการณ์ผิด

“ประเสริฐ”แฉเอกสารซื้อซิโนแวค “บิ๊กตู่-อนุทิน” รวมหัวโกง ชี้เหตุไม่ร่วม COVAX เพราะไม่มีเงินทอน ปูดค่าส่วนต่าง 2 พันล้านหายไปไหน

วันที่ 31 ส.ค.64 ในการประชุมสภาฯ มีการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อมานายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข บริหารงานล้มเหลว 4 ด้าน ได้แก่ 1.ความล้มเหลวด้านการควบคุมโรคระบาด ประมาทคิดว่าตัวเองแน่ ตั้งแต่การระบาดต้นปี 63 นายกฯไม่มีการประเมินผล ส่วนนายอนุทิน ไม่กวดขันไม่รอบคอบไม่ระมัดระวัง ทำให้ระบบสาธารณสุขล้มเหลว 2.การจัดหาวัคซีนผิดพลาดล้มเหลว ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน คาดการณ์สถานการณ์ผิดพลาด ไม่มีความกระตือรือร้นในการจัดหาวัคซีน เมื่อจัดหาก็จัดหาน้อยเกินไป และมีเจตนาไม่เข้าโครงการโคแวกซ์ตั้งแต่ต้น เนื่องจากไม่มีเงินทอนทำให้ประเทศเสียหายโดยรู้เห็นเป็นใจกับนายอนุทิน นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของภาคเอกชนในการขอนำเข้าวัคซีนทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า การบริหารราชการของพล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงระบบราชการที่มีความล้าหลัง ทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะขาดแคลนวัคซีน 3.ความล้มเหลวในการกระจายวัคซีน ที่มั่วทั้งระบบขาดความเป็นเอกภาพต่างคนต่างทำ บางจังหวัดไม่ได้เป็นพื้นที่สีแดงเข้มแต่ได้รับวัคซีนจำนวนมาก และ4.การบริหารงานในสถานการณ์วิกฤตมีการบริหารเหมือนสถานการณ์ปกติ แม้แต่ตัวนายกฯ ยัง WFH ทำงานที่บ้านแบบไม่ทุกข์ร้อน และการสั่งข้อราชการที่ไม่มีความเด็ดขาด ทั้งหมดคือความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร สิ่งที่น่าเสียใจมากที่สุดที่คนไทยยอมรับไม่ได้เลย คือ การค้าความตายหากินบนความตายของประชาชนด้วยการจัดซื้อวัคซีนคุณภาพต่ำแต่มีราคาแพง เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน โดยซื้อวัคซีนเพียงรายเดียว ผูกขาดตัดตอนขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้วัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนเส้นใหญ่

นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนจะเปิดหลักฐานจากข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ทนต่อการกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทินไม่ไหว โดยได้มอบข้อมูลการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคที่แสดงให้เห็นถึงแผนการนำเข้า ราคาซื้อต่อโดส และราคาที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ซึ่งการจัดซื้อครั้งที่ 1 มีแผนการนำเข้า 2 ล้านโดส นำเข้าได้จริง 1.9 ล้านโดส ราคาตามที่ครม.อนุมัติ 17.0 เหรียญสหรัฐต่อโดส ราคาซื้อจริง 17.0 เหรียญสหรัฐต่อโดส , จัดซื้อครั้งที่ 2 ราคาตามที่ครม.อนุมัติ 17.0 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 15.0 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส , จัดซื้อครั้งที่ 3 ราคาตามที่ครม.อนุมัติ 17.0 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 14.0 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส , จัดซื้อครั้งที่ 4 ราคาตามที่ครม.อนุมัติ 17.0 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 9.5 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส และจัดซื้อครั้งที่ 5 ราคาตามที่ครม.อนุมัติ 17.0 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 9.0 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส จากข้อมูลทั้งหมดพบว่า ราคาตามที่ครม.อนุมัติในการจัดซื้อทั้ง 5 ครั้ง คือ 331,500,000 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 10,846,680,000 บาท ส่วนราคาที่จัดซื้อจริง คือ 267,364,000 เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินบาท 8,748,150,080 บาท ทำให้เกิดส่วนต่างในการจัดซื้อทั้งสิ้น 2,098,529,920 บาท

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค จากบันทึกการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อการแก้ไขปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภค ในคณะกมธ.คุ้มครองผู้บริโภค เมื่อวันที่ 15 ส.ค.64 ที่ระบุว่า มีการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค 5 ครั้ง พบว่าราคาที่ครม.อนุมัติทั้ง 5 ครั้ง คือ 17.0 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส แต่ราคาซื้อจริงครั้งที่ 2 – 5 ราคาลดลงตามลำดับตรงกับข้อมูลของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่ให้มา ตนจึงอยากถามถึงเงินส่วนต่างว่าหายไปไหน ส่วนการทำสัญญากับบริษัท แอสตร้าเซเนกา ว่า เป็นการทำสัญญาที่ผูกขาด ตัดตอน ขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้รัฐเสียเปรียบ แรกเริ่มการผลิตวัคซีนแอสตร้าเซเนกา เป็นความร่วมมือระหว่าง SCG กับมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด แต่ที่แปลก คือ รัฐมีโรงงานผลิตวัคซีนที่ทันสมัย แต่ทำไมไม่มอบให้โรงงานแห่งนี้ที่รัฐเป็นเจ้าของผลิต ตนไม่เข้าใจ นอกจากนี้ ตนยังมีหลักฐานว่าพล.อ.ประยุทธ์ กระทำการมิบังควร แอบอ้างพาดพิงสถาบันในการจัดซื้อวัคซีนด้วย

“ขอตั้งข้อสังเกตถึงความผิดพลาดในการบริหารจัดการวัคซีนแอสตร้าเซเนกา ประการแรก รัฐบาลแทงม้าตัวเดียว ไม่ยอมบริหารความเสี่ยง ซึ่งเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ก็ให้สัมภาษณ์ในทำนองเดียวกันว่า ควรจะมีการสั่งซื้อวัคซีนในหลายทางเลือกให้กับประชาชน ประการที่สอง สัญญาซื้อขายเสียเปรียบบริษัทแอสตร้าเซเนกา UK เพราะต้องสั่งซื้อล่วงหน้า และต้องจ่าย 60 %ของมูลค่าการซื้อสั่ง หรือประมาณ 2 พันล้านบาท ก่อนด้วย และในสัญญายังระบุอีกว่าหากผลิตไม่ได้ก็ต้องสูญเงินจำนวนดังกล่าว”นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวตอนท้ายว่า ข้อเรียกร้องของประชาชน ที่ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก เพราะเห็นว่าท่านไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตินี้ได้ ถ้าอยู่ต่อ เกรงว่าประเทศจะเสียหายมากกว่านี้ ข้อเรียกร้องของภาคเอกชน ที่ไม่ทน ขอให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนได้จัดซื้อวัคซีนโดยตรง เพราะไม่สามารถคอยความหวังจากรัฐบาลได้ แม้กระทั่งจดหมายจากเพื่อนนิเทศจุฬาฯ รุ่น 40 ส่งถึงลูกสาวนายก ที่เขียนบอกให้คุณพ่อลาออกนั้น เป็นสัญญาณที่ประชาชนแสดงออกมา ว่าเขาไม่ต้องการท่านแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายของนายประเสริฐ มีการกล่าวพาดพิงถึงองค์กร และบุคคลภายนอก รวมถึงพูดถึงคุณภาพของวัคซีนซิโนแวคหลายครั้ง ทำให้นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงว่าอาจทำให้เกิดความเสียหาย และขัดข้อบังคับการประชุม อีกทั้งการด้อยค่าวัคซีนอาจทำให้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคไปแล้วเกิดความเข้าใจผิด และหวาดกลัว จากนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม จึงได้เตือนนายประเสริฐโดยขอให้หลีกเลี่ยงการนำเสนอภาพบุคคลภายนอก และจะอนุญาตอย่างเต็มที่ในการอภิปรายฝ่ายบริหาร เพราะบุคคลภายนอกไม่มีโอกาสมาชี้แจง และขอให้ระมัดระวังการอภิปรายถึงคุณภาพของวัคซีน เพราะอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img