ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ซัด “ประยุทธ์”ยิ่งอยู่ยิ่งทำให้เศรษฐกิจเละ ชี้ควรปล่อยให้คนมีความรู้อย่างแท้จริงมาบริหารดีกว่า ไม่ไหวอย่าฝืนประเทศจะยิ่งเสียหายเพิ่ม
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายนพ ชีวานันท์ รองเลขาธิการ และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังทรุดหนัก หลังจากที่ประกาศไตรมาส 3 แล้วยังติดลบที่ -0.3% โดยไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยติดลบ – 2.6% และ ไตรมาส 2 เศรษฐกิจไทยขยายได้ 7.5% แต่ที่ขยายได้เพราะปีที่แล้วเศรษฐกิจไทยติดลบหนักมากถึง -12.2% ยังก็ยังห่างจากที่ตกลงมามาก และ ไตรมาส 3 ปีที่แล้วเศรษฐกิจไทยติดลบ – 6.4% ปีนี้ก็ยังติดลบต่อที่ -0.3% แทนที่จะฟื้นได้ จึงทำให้สภาพัฒน์คาดว่าทั้งปีจะขยายได้เต็มที่ 1.2% เท่านั้น
ทั้งที่ปีที่แล้วทั้งปีเศรษฐกิจติดลบถึง -6.1 % และปีหน้าก็ยังไม่แน่นอนว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายได้เท่าไหร่จากปัจจัยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นที่น่าจะเป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจไทยในระดับหนึ่ง ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจไทยกลับไม่ฟื้น ดังนั้น ประชาชนไทยจะเจอกับภาวะรายได้ลด แต่รายจ่ายเพิ่ม แถมตกงานกันเป็นจำนวนมาก
ซึ่งจะทำให้ ลำบากกันอย่างมาก นอกจากนี้ผลกระทบจากปัญหาทางการเงินของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีนอาจจะมีผลกระทบมาถึงประเทศไทยด้วย จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ คอยระวังและจับตาให้ดี
ในภาวะที่น้ำมันแพง รัฐบาลควรจะหาทางช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชน ความเดือดร้อนในเรื่องน้ำมันแพงได้กระจายไปสู่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งรถบรรทุก ที่ต้องออกมาประท้วงกันหลายหนโดยหากธุรกิจขนส่งจะต้องขึ้นราคาค่าขนส่งจากราคาน้ำมันดีเซลที่สูง สินค้าต่างๆ ก็จะต้องขึ้นราคาตาม ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อมากขึ้น ประชาชนที่มีรายได้ลดอยู่แล้ว ต้องมาแบกภาระสินค้าที่แพงขึ้นคงจะรับกันไม่ไหว
ดังนั้นรัฐบาลควรจะต้องลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลให้ลดลง ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอแนะ เพื่อช่วยเหลือภาคขนส่ง อีกทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน อย่าไปเทียบราคาน้ำมันตอนนี้กับราคาในอดีต เพราะในอดีตสภาวะเศรษฐกิจของไทยดีกว่านี้มาก ประชาชนไม่ได้เดือดร้อนกันขนาดนี้ แม้แต่ชาวนาที่ราคาข้าวตกต่ำอยู่แล้ว ยังถูกหักค่าขนส่งที่มากขึ้นเพื่อขนส่งข้าวเปลือกเข้าโรงสี เพราะราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ราคาข้าวที่ตกต่ำอยู่แล้วจึงถูกกดต่ำลงไปอีก รวมทั้งยังทำให้ต้นทุนการเพาะปลูกของชาวนาทั้งราคาปุ๋ย ราคายาฆ่าแมลงเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ นอกจากพลเอกประยุทธ์จะไม่ลดราคาน้ำมันแล้ว พลเอกประยุทธ์ ยังข่มขู่ ธุรกิจขนส่งรถบรรทุกที่เตือนรัฐว่าจะหยุดวิ่งรถถ้าพลเอกประยุทธ์ ไม่ลดราคาน้ำมัน โดยบอกว่าจะให้ใช้รถทหารมาบรรทุกแทน ซึ่งเป็นเรื่องตลกและไร้สาระมาก ธุรกิจขนส่งมีรถขนส่งเป็นแสนๆคัน และมีการขนส่งสินค้าในรูปแบบที่แตกต่างกัน บางคันเป็นตู้เก็บความเย็น บางคันเป็นรถขนคอนเทนเนอร์ บางคันเป็นรถขนเฉพาะอย่าง ฯลฯ
ซึ่งรถบรรทุกทหารจะไม่สามารถทำแทนได้เลยทั้งในปริมาณและในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งต้นทุนขนส่งของรถทหารจะสูงกว่ามากเพราะรถขนส่งทหารกินน้ำมันมากกว่า บุคลากรขนส่งก็ขาดประสบการณ์ด้านการขนส่ง การหยุดพักเติมน้ำมัน จะเป็นการสร้างปัญหามากกว่าเป็นการแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังเป็นการแย่งงานของประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้พลเอกประยุทธ์ ได้สั่งให้ทหารไปปลูกผักชีเพื่อแก้ปัญหาผักชีแพง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาแบบคนไม่รู้เศรษฐกิจเลย
ดังนั้น ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยทรุดหนักและยังไม่ทิศทางที่จะฟื้นได้ แต่พลเอกประยุทธ์ กลับคิดได้เพียงเท่านี้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มปัญหามากกว่าการแก้ปัญหา พลเอกประยุทธ์ จึงไม่เหมาะที่จะบริหารประเทศต่อไปแล้ว และควรปล่อยให้คนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงเข้ามาบริหารจะดีกว่ามาก ไม่ไหวอย่าฝืนเลยเพราะประเทศจะยิ่งเสียหายเพิ่มขึ้น