ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จับตาประชุมเฟด 14-15 ธ.ค.นี้ ระบุตั้งแต่ 1 ธ.ค.-9 ธ.ค.เงินบาทแข็งรั้งอันดับ 2 รองจากวอนเกาหลีใต้
น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ว่าเฟดจะลดคิวอีมากกว่าที่ตลาดคาดหรือไม่ และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าเร็วขึ้นหรือไม่ซึ่งอาจทำให้ตลาดผันผวนจากผลการประชุมรวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย. และดัชนี PMI เดือนธ.ค.ตลอดจนการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน
สำหรับการเคลื่อนไหวสกุลภูมิภาค ตั้งแต่สิ้น 1 ธ.ค.-9 ธ.ค.ที่ผ่านมาพบว่าวอน-เกาหลีใต้แข็งค่ามากสุด 1.22% รองลงมาคือบาท-ไทย 0.86%ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.42% หยวน-จีน 0.32% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.18%เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.07 % ยกเว้น รูเปียห์-อินโดนีเซียอ่อน 0.17%ริงกิต-มาเลเซีย 0.19% รูปี-อินเดียอ่อนสุด 0.38%ดอง-เวียดนาม 1%
ขณะที่การเคลื่อนไหวเงินทุนต่างชาติตั้งแต่ 1 ธ.ค.-8 ธ.ค.พบว่า เงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทย 4,811 ล้านบาท ขณะที่ตลาดพันธบัตร 13,089ล้านบาท ซึ่งหากเฟดลดคิวอี และขึ้นดอกเบี้ยตามตลาดคาดการณ์อาจทำให้เงินสกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแต่ไม่มากนัก เนื่องจากตลาดรับรู้ข่าวนี้มาก่อนหน้้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรับมือความผันผวน