วันอาทิตย์, ตุลาคม 6, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“บิ๊กตู่”ตั้งเป้าปี 80 ไทยศูนย์กลางส่งออกสุมนไพร เหน็บคนทำงานหนักมา 2 ปีไม่เคยบ่น
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กตู่”ตั้งเป้าปี 80 ไทยศูนย์กลางส่งออกสุมนไพร เหน็บคนทำงานหนักมา 2 ปีไม่เคยบ่น

นายกฯตั้งเป้าปี 80 ให้ไทยก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางการส่งออกวัตถุดิบและสุมนไพรไทยชั้นนำของโลก หรือ”เวิร์ด เฮิร์บ ฮับ”

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 ธ.ค. ที่รอยัล พารากอน ฮอล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เขตปทุมวัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และการประชุมวิชาการประจําปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 18 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคเอกชน ร่วมงาน

ทั้งนี้นายอนุทินรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน จากนั้น นายกฯมอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติประจําปี 2564 รางวัลพื้นท่ีต้นแบบดีเด่นแห่งชาติประจําปี 2564 รางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ Prime Minister Herbal Awards (PMHA) ประจําปี 2564 รางวัลพื้นที่ต้นแบบดีเด่นชมรมผู้สูงอายุ ด้านการแพทย์แผนไทย ประจําปี 2564 รางวัลเจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ดีเด่นกระทรวงสาธารณสุขประจําปี 2564 และ รางวัลการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยประจําปี 2564 รวม 40 รางวัล

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “สมุนไพรไทยสร้างเศรษฐกิจไทย” ว่า เป็นอีกวันที่ตนยินดีในความสำเร็จที่เราเดินหน้าเรื่องนี้มา ได้เห็นความคืบหน้า การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกภาคส่วนจะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย แผนแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก เพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สมุนไพรไทย เราทราบดีอยู่แล้วว่า พืชสมุนไพรเป็นพืชเศรษฐกิจและเป็นพืชสุขภาพที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เรามีนโยบายให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ไปพร้อมๆกับยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพในระดับสูง สร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ ที่รองรับตลาดที่นับวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันให้สมุนไพรไทยมีศักยภาพในการผลิตในระดับอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมูลค่า สามารถส่งออกแข่งขันได้ จะก่อให้เกิดรายได้ ให้แก่เกษตรกรและชุมชน เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาความยากจน และวันนี้ตนได้เห็นโอกาสขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพ ด้วยการนำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยและแหล่งท่องเที่ยวเมืองสมุนไพรไทยให้เป็นจุดหมายแห่งการท่องเที่ยว และศูนย์กลา

งพัฒนาด้านสุขสภาพ และปี 2580 รัฐบาลมุ่งหวังให้ไทยก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางการส่งออกวัตถุดิบและสุมนไพรไทยชั้นนำของโลก หรือ”เวิร์ด เฮิร์บ ฮับ” พร้อมทั้งเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบริการทางการแพทย์ระดับโลกหรือเร็วกว่านั้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมแรง ร่วมใจบูรณาการและขับเคลื่อนการพัฒนาการแพทย์และสมุนไพรไทยให้ก้าวหน้าเป็นผลิตภัณฑ์โลก ที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับประเทศไทย ขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย วันนี้เราได้เห็นคุณค่าสมุนไพรไทย สมัยโบราณอยู่มาได้ด้วยตำรับยาพวกนี้ ไม่ใช่แพทย์ปัจจุบัน คือคุณูปการการแพทย์สมัยโบราณ แพทย์พื้นบ้านที่ใช้สมุนไพรในการรักษา โดยเฉพาะสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และหลายๆอย่างที่เป็นที่นิยมของต่างประเทศ เราต้องสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุนการผลิต การแปรรูป จำหน่าย รวมถึงการใช้ประโยชน์จากการความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ซึ่งเรามีศักยภาพ เราๆมีทั้งวิกฤติและโอกาส ทั้งผลดีและผลเสีย เราต้องศึกษาใช้งานอย่างมีสติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าเราไม่ช่วยกัน ไม่มีสติเราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง เพราะทุกปัญหาล้วนมีผลกระทบต่อกัน สิ่งสำคัญประเทศจะต้องมีเสถียรภาพ ความสงบสุข สันติ ปราศจากความขัดแย้ง ตนพยายามจะรักษาตรงนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ไปสู่จุดมุ่งหมาย เราอยากจะได้อะไรก็ต้องทำสิ่งนั้นให้ประสบความสำเร็จ และทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม มีสติ มีความยั้งคิด ยั้งทำ เรามีความเป็นมากว่า 800 ปี ซึ่งอยู่บนเสาหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นั่นเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน วันนี้ขอฝากพวกเราไว้ หากเราทำลายสิ่งที่ดีงาม ที่มีมาตั้งแต่อดีต ก็ไม่มีอะไรที่จะดีขึ้นไปกว่าเดิม เพราะทุกอย่างสร้างและเกิดจากประวัติศาสตร์ มีความดีงามเยอะแยะ อันไหนที่ดีก็รักษากันเอาไว้ อันไหนที่ไม่ดีอย่าไปทำอีก ตนคิดแบบนี้ รวมถึงภาครัฐ เอกชน ประชาชน ประชาสังคม ต้องช่วยกันคิดแบบนี้ ไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะพลิกโอกาสที่มีอยู่กลายเป็นวิกฤติ ขอให้สงสารประชาชนเถอะ

นายกฯ กล่าวว่า พ่อแม่พี่น้องของเราอีกมากมายที่ยังลำบากอยู่ ทั้งเรื่องของค่าครองชีพ ความยากจน ปัญหาหนี้สิน หลายเรื่องรัฐบาลพยายามทำทุกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันอาจจะยาก จะช้า แต่ก็ได้เริ่มลงมือทำไปมากแล้วพอสมควร หลายอย่างประสบความสำเร็จไปแล้ว หลายอย่างยังไม่สำเร็จ ถ้ามันง่ายนัก คงแก้ได้นานแล้ว เราไม่อยากให้ปัญหาเหล่านี้มันซับซ้อน ทับซ้อนลึกลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาความยากจน วันนี้เราได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบองค์รวมแล้ว เพื่อไปดูพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ มีคณะกรรมการจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน

นายกฯ กล่าวว่า การใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2566 ก็ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะดำเนินการอย่างไรให้งบประมาณที่มีอยู่คุ้มค่า เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ นี่คือสิ่งที่จะต้องทำให้ต่อเนื่อง ไม่ได้ทำเป็นจ๊อบๆ แล้วจบ รวมถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของประชาชน ตามสภาพการพัฒนาประเทศ เราจึงจะต้องมีกระบวนการคิดที่สร้างสรรค์ เพราะไม่มีอะไรที่ทุกคนจะยอมรับได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การมองไปยังเป้าหมายที่เราจะได้ วันนี้เราไม่ได้ แต่คนอื่นได้ เราไม่ได้ทางตรง แต่ได้ทางอ้อมหรือไม่ ลองคิดแบบนี้ดู ก็จะเห็นว่ารัฐบาลทำงานมาอย่างไร

นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องสุขภาพ เราทำงานหนัก ทั้งรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกคนที่อยู่ในกระบวนการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาสองปีกว่าแล้ว จนสถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ซึ่งการดูแลผู้เจ็บป่วยและนำเข้าสู่การรักษาถือว่าเราทำได้ดีมากๆ ในโลกใบนี้ แต่เราประมาทไม่ได้ ทุกเรื่องขอให้มีสติและป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด รวมถึงการช่วยป้องกันให้คนอื่นด้วย เพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานหนัก โดยไม่ได้บ่น ไม่ได้พูด ไม่ได้ว่าใครมาตลอดสองปีกว่า แต่หลายคนไม่ได้ทำแต่พูด นี่คือสิ่งที่ทำให้เราทำงานได้ยากขึ้นทุกวัน ขอให้ทุกคนไปใคร่ครวญให้ดี มีสติในการทบทวนว่ามีอะไรในประเทศไทยที่มีความก้าวหน้าไปแล้วบ้าง หลายอย่างอาจจะมองไม่เห็น รัฐบาลมุ่งมั่นดูแลทุกคน ทุกอาชีพ ทุกรายได้ แต่จะต้องมีงบประมาณที่เพียงพอ วันนี้เรามาสร้างมูลค่าให้ประเทศในด้านสมุนไพร ก็คาดหวังว่าจะมีรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก เพราะรัฐบาลมีรายได้จากการส่งออกและภาษีเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น รัฐบาลจะสนับสนุนทุกกิจกรรมที่จะสร้างจีดีพี รายได้ประเทศให้สูงขึ้น เพื่อลดปัญหาการขาดดุลของการจัดทำงบประมาณรายปี

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้อยากจะพูดกับพวกเราเพราะเห็นว่าคนมาเยอะ จากหลายจังหวัดด้วยกัน ทุกคนต้องเข้าใจว่าทุกอย่างมีการเริ่มต้น และเมื่อเริ่มต้นก็จะมีปัญหา ซึ่งต้องฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้ จะต้องแผนเผชิญเหตุในการทำงาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แผนหลัก แผนรอง แผนฉุกเฉิน ต้องเตรียมไว้ให้หมด ไม่ว่าเชื้อชนิดไหนก็ตาม ถ้าสาธารณสุขเรายังรับได้ และจะหารือร่วมกัน เหล่านี้คือสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันคิด ถ้าติกันไปทั้งหมดจะทำอะไรไม่ได้เลย ก็ติดไปหมดทุกเรื่อง เราให้ความสำคัญทั้งสองเรื่อง เรื่องสุขภาพมาก่อน และเศรษฐกิจก็ตามมา เมื่อประชาชนลำบาก รัฐบาลก็จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่หรือภาระของใคร เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน เดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินชมนิทรรศการภายในงาน ระหว่างนั้นได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมกับมอบเสื้อตัวหนึ่งให้ โดยเสื้อดังกล่าวสกรีนคำว่า “สมุนไพรไทยในครัวเรือน ฆ่าโควิดได้ทุกสายพันธุ์ 5 วันเท่านั้น!!! รัฐไม่เลือกใช้ เวร!!” ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้หยิบเสื้อขึ้นไปดูและอ่านข้อความที่สกรีน พร้อมกับบอกว่า “รัฐไม่ได้ใช้ เวร!! มันแรงไปนะ ก็ขอให้ทำไปนะ อะไรที่ทำประโยชน์ได้ก็ทำไป อะไรที่ใช้ประโยชน์ได้ก็ใช้ไป”

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้หันไปพูดกับนายอนุทินด้วยว่า “ใช้ความรู้สึกมาบอกว่ารัฐไม่ได้ใช้ มาบอกว่าเวรได้อย่างไร ต้องให้มีมาตรฐานและได้รับการรับรอง”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img