“ไพศาล” เล่าหลังม่านการเมืองไทย ย้อนวีรกรรม‘นิรโทษสุดซอย’ชี้ถ้า “ทักษิณ”เชื่อกลุ่มวังน้ำเย็นก็กลับประเทศนานแล้ว สะท้อนบทพิสูจน์ลักษณะ‘บัณฑิต-คนพาล’
เมื่อวันที่ 10 ม.ค.นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้…
หลังม่านการเมืองไทย ตอน15
ถ้าทักษิณเชื่อกลุ่มวังน้ำเย็นก็กลับประเทศไปนานแล้ว!!!
- หลังพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้นและคุณยิ่งลักษณ์ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ได้มีการประสานงานเพื่อการปรองดองกับฝ่ายต่าง ๆ จนเกือบสำเร็จ แต่ในที่สุดการประสานงานเหล่านั้นก็พลิกผันจนเกิดเป็นกระแสพลิกกลับและเกิดการขับไล่รัฐบาลนั้นด้วยข้อหาเดิม ๆ คือ โกงบ้านกินเมือง
- เมื่อคุณยิ่งลักษณ์ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว กลุ่มต่าง ๆ ในพรรคพลังประชาชนได้ปรึกษาหารือกันเพื่อขอความเป็นธรรมคืนให้กับคุณทักษิณที่ต้องคดีหลายคดีและเกือบทั้งหมดเป็นผลมาจากการตรวจสอบของ คตส. ที่จัดตั้งขึ้นโดยประกาศคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือ คมช. ต่างกลุ่มต่างฝ่ายก็เสนอความคิดเห็นแตกต่างกันไป
แต่ที่เสนอผิดแปลกจากกลุ่มและฝ่ายอื่นก็คือข้อเสนอจากกลุ่มวังน้ำเย็นซึ่งท่านเสนาะ เทียนทอง เป็นประมุขกลุ่มนี้มาแต่เดิม
- ข้อเสนอของกลุ่มวังน้ำเย็นเพื่อเอาคุณทักษิณกลับบ้าน ต่างจากข้อเสนอของกลุ่มอื่นโดยตั้งหลักการความเห็นว่าคุณทักษิณต้องคดีทั้งที่คดีเสร็จแล้วและระหว่างพิจารณาหรือระหว่างการสอบสวน ทั้งหมดนั้นเป็นผลมาจากการตรวจสอบของ คตส. ที่ คมช. แต่งตั้งขึ้น และบรรดากรรมการ คตส.เกือบทั้งหมดล้วนเป็นปรปักษ์กับคุณทักษิณ และผู้คนที่เกี่ยวข้องหลายคนในกระบวนการอีกหลายกระบวนการก็จัดวางคนที่เป็นปรปักษ์กับคุณทักษิณ
ดังนั้น ผลที่เกิดขึ้นจึงไม่เป็นไปโดยธรรม จึงต้องคืนความเป็นธรรมให้คุณทักษิณได้มีโอกาสต่อสู้คดีโดยยุติธรรม
กลุ่มวังน้ำเย็นจึงเสนอความเห็นพร้อมด้วยร่างพระราชกำหนดให้ยกเลิกประกาศ คมช. ฉบับที่ 30 ที่ตั้ง คตส. นั้นเสีย และให้ยกเลิกผลทั้งหลายที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำของ คตส. ทั้งหมด
ถ้าคดีถึงที่สุดแล้วให้ยกเลิกผลแห่งคดีนั้นทั้งหมด
ถ้าคดีอยู่ระหว่างพิจารณาให้ศาลจำหน่ายคดีออกจากสารระบบความ
ถ้าคดีอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนของหน่วยงานใดให้ยุติเรื่องและจำหน่ายคดีจากสารระบบความ
- ข้อเสนอดังกล่าวนี้ให้รัฐบาลออกเป็นพระราชกำหนด โดยอ้างเหตุผลเพื่อคืนความเป็นธรรมจากความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าออกพระราชกำหนดได้ตามข้อเสนอนี้ คุณทักษิณจะพ้นจากโทษและคดีข้อกล่าวหาทั้งหลายสามารถกลับบ้านได้ทันที
จะลองอีกสักรอบก็ยังไหว!
หากมีใครจะกล่าวหาก็ต้องตั้งต้นว่ากล่าวกันโดยยุติธรรม
ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลมีเสียงในสภาท่วมท้น เมื่อออกเป็นพระราชกำหนดแล้วก็มีผลบังคับ ครั้นนำเข้าให้สภารับรองก็ผ่ายฉลุย
ข้อเสนอดังกล่าวนั้นมีจุดแข็งตรงที่ยกเลิกประกาศ คมช. ฉบับที่ 30 โดยอ้างว่าเป็นมรดกเผด็จการ เป็นคำสั่งเผด็จการ เพียงเพื่อกำจัดคุณทักษิณโดยไม่เป็นธรรมเพียงคนเดียว ซึ่งจะมีน้ำหนักยิ่งกว่าการนิรโทษกรรมเพราะไปลบล้างอำนาจของศาลและกระบวนการยุติธรรมโดยถือว่ายกเลิกคำสั่งเผด็จการง่ายกว่ายกเลิกอำนาจศาล
- ข้อเสนอของกลุ่มวังน้ำเย็นไปถึงมือแกนนำสำคัญของพรรคเพื่อไทยซึ่งไม่ค่อยลงรอยกับป๋าเหนาะ จึงแทนที่จะได้รับการพิจารณากลับโยนข้อเสนอนั้นทิ้งถังขยะ
และในที่สุดก็ใช้วิธีเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมกันหลายรูปแบบ ในขณะที่มีเสียงคัดค้านล้นหลาม เพราะอยู่ ๆ ไปนิรโทษกรรมความผิดให้กับคน ๆ เดียวนั้นหาเหตุหาผลและธรรมใด ๆ ไม่ได้
เมื่อถูกคัดค้านมากรัฐบาลนั้นก็ไม่สำเหนียกกลับลำพองในอำนาจที่จัดวางอำนาจไว้ทุกเครือข่าย จึงเดินหน้าหนักเข้าไปอีกโดยเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมเป็นนิรโทษกรรมสุดซอย
จนในที่สุดก็ต้องยุบสภา และเรื่องก็คาราคาซังมาจนถึงบัดนี้
เรื่องนี้ก็เป็นหลังม่านการเมืองไทยอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนเรายามมีอำนาจนั้นจิตใจก็ฮึกเหิมลำพองเชื่อมั่นในอำนาจ มองข้ามสิ่งที่เรียกว่าธรรม และในที่สุดอำนาจนั้นก็เผาผลาญตัวเองและผู้อื่นจนเดือดร้อนตาม ๆ กัน
ทั้งเป็นบทพิสูจน์ลักษณะที่เป็นบัณฑิตและคนพาลอย่างชัดเจนว่า ผู้เป็นบัณฑิตนั้นจะรับฟังความเห็นของคนอื่นแม้ศัตรู ขอเพียงเป็นความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็จะยอมรับนับถือ
ส่วนคนพาลนั้นจะฟังความเห็นเฉพาะพวกประจบสอพลอรอบตัวเท่านั้น จึงมีอันต้องวิบัติดังนี้