แฟนคลับแห่อาลัย “ไวพจน์ เพชรสุพรรณ”นักร้องระดับตำนาน และบรมครูสืบทอดเพลงพื้นบ้านเสียชีวิตอย่างสงบในวัย 79 ปี
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. เพจเฟซบุ๊ก ไวพจน์ เพชรสุพรรณ โพสต์ภาพ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ พร้อมข้อความแจ้งข่าวระบุ “คุณพ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ จากไปอย่างสงบที่ รพ. เวลาโดยประมาณ 15.24 น. คุณพ่อเริ่มป่วยเข้า รพ. ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ท่านอดทนและสู้มาก ตอนนี้จากพวกเราไปแล้ว แต่จะยังคงอยู่ในใจพวกเราตลอดไป” หลังโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป มีผู้เข้ามาแสดงความเสียใจจำนวนมาก
ทั้งนี้นับเป็นการสูญเสียขุนพลเพลงลูกทุ่ง จ.สุพรรณบุรี ไปถึง 2 คน ติดต่อกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ศรเพชร ศรสุพรรณ ได้เสียชีวิต ยังตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดยางไทยเจริญผล และจะพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 16 ม.ค.ที่จะถึงนี้ จนกระทั่งมาสูญเสีย ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ในวัย 79 ปี ไปอีกราย สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่วงการเพลงลูกทุ่งและชาวสุพรรณบุรีอย่างมาก
สำหรับกำหนดการต่างๆ ในการเคลื่อนศพ บำเพ็ญกุศลศพ ทางญาติจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
สำหรับประวัติ ไวพจน์ สกุลนี หรือ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ เกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2485 ที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็น บุตรของนายจำปี และนางอ่ำสกุลนี สมรสกับนางอรชร สกุลนี มีธิดา 1 คนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดวังน้ำเย็น อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
ไวพจน์ สกุลนี เริ่มหัดร้องเพลงอีแซว ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านของจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่ 12 ปี โดยได้ฝึกหัดและติดตามมารดา ซึ่งเป็นแม่เพลงอีแซว จนสามารถร้องเพลง อีแซว เพลงแหล่ได้เมื่ออายุ 14 ปี และได้หัดร้องลิเกกับคณะ ลิเกประทีป แสงกระจ่าง ต่อมาเมื่ออายุ 16 ปี เข้าประกวดร้องเพลงครั้งแรกที่วัดท่าตลาด ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพลงที่ร้องเป็นเพลงแหล่ของ พร ภิรมย์ ชื่อเพลงจันทโครพ ปรากฏว่าได้รางวัลที่ 1
ในช่วงนั้น ไวพจน์สนใจขับร้องเพลงลูกทุ่งมาก เพราะเป็นช่วงที่มีนักร้องลูกทุ่งมีชื่อเสียงเกิดขึ้นมากมาย เช่น ชัยชนะ บุญณะโชติ, ไพรวัลย์ ลูกเพชร , ชาย เมืองสิงห์ ครั้งหนึ่งชัยชนะ บุญณะโชติ ได้นำวงดนตรีมาเล่นที่ตลาดสวนแตงและมีการรับสมัครประกวดร้องเพลง ไวพจน์สมัคร ประกวดร้องเพลงด้วย ได้รับการชมเชยจากผู้ชมผู้ฟัง เป็นจำนวนมาก ชัยชนะ บุญณะโชติ จึงชักชวนให้เข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งและตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ”
หลังจากนั้นได้นำนายไวพจน์ ไปฝากเป็นศิษย์ของครูสำเนียง ม่วงทอง นักแต่งเพลงซึ่งเป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี เช่นกัน ครูสำเนียงได้ แต่งเพลงให้ร้อง และประสบความสำเร็จอย่างมาก คือ เพลง “ให้พี่บวชเสียก่อน” และยังได้ขับร้องเพลงของนักแต่งเพลง ผู้อื่น คือ จิ๋ว พิจิตร เช่น เพลงแบ่งสมบัติ 21 มิถุนายน ขอลา บวช เป็นต้น
ไวพจน์ เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งผู้มีความสามารถรอบตัว เพราะ นอกจากจะร้องเพลงลูกทุ่งได้ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีความสามารถ เล่น เพลงพื้นบ้าน พื้นเมืองได้เกือบทุกชนิด ทั้งเพลงฉ่อยเพลงอีแซว เพลงเรือเล่นได้หมดและเล่นได้ดีขนาดโต้ตอบด้วยปฏิภาณกวีได้ โดยเฉพาะการแหล่ทุกคนใน วงการล้วนยกย่อง ให้ไวพจน์เป็น ” ราชาเพลงแหล่ ” เพราะมีเพลงแหล่บันทึกแผ่นเสียงมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งยังสามารถแหล่ด้นกลอนสด ได้อย่างไม่ติดขัด
ในจำนวนนักร้องลูกทุ่งอาวุโส ไวพจน์ มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงมากที่สุดประมาณ 2,000 เพลง ทั้งเพลงที่ครูเพลงแต่งให้ และแต่งเพลง ร้องเองได้ รวมทั้งสามารถแต่งเพลงสร้างชื่อให้ลูกศิษย์มาแล้วมากมาย ศิษย์เอกที่โด่งดังของไวพจน์มี ขวัญจิต ศรีประจันต์ , เพชร โพธาราม (เพลง ต.ช.ด.ขอร้อง) หรือพุ่มพวง ดวงจันทร์ (เพลงแก้วรอพี่ , น้กร้องบ้านนอก) และเป็นหมอทำขวัญซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นหมอขวัญ อันดับหนึ่งของเมือง ไทยในปัจจุบัน
เกียรติคุณที่ได้รับ
1. ได้รับเข็มพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ เมื่อ พ.ศ.2514
2. ได้รับรางวัลนักร้องดีเด่นจากงานกึ่งศตวรรษทั้ง 2 ครั้ง คือเมื่อ พ.ศ.2532 จากเพลง สาระวันรำวง และ พ.ศ.2534 จากเพลง แตงเถาตาย
3. ได้รับพระราชทาน พระพิฆเนศทองคำ
4. เป็นสมาชิกสภาจังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ฯลฯ เป็นต้น
จากประวัติและผลงานดังกล่าว คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติจึงประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้นายไวพจน์ สกุลนี เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2540
