หุ้นไทยปิดบวกแรงซื้ออิเล็กทรอนิกส์-พลังงาน-ค้าปลีกดันตลาด มองแนวโน้มพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ จับตาเงินเฟ้อ ปัญหาตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,648.81 จุด บวก 9.30 จุด หรือ 0.57 % โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,655.48 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,646.88 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68,340.82 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ แม้ว่ายังไม่ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ตลาดหุ้นในภุฒิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ปิดทำการในช่วงวันตรุษจีน แต่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดมาบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์หลังจากปรับขึ้นมาระดับหนึ่ง และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็ยังปิดทำการต่อเนื่องเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดจะรับข่าวเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯไปแล้ว แต่ยังคงมีปัจจัยไม่แน่นอนที่อาจทำให้เกิดความผันผวนได้ ทั้งในเรื่องเงินเฟ้อ และสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน อีกทั้งยังต้องติดตามการประกาศผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา ให้กรอบแนวต้าน 1,660-1665 จุด แนวรับ 1,645-1,650 จุด
บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า SET Index วันนี้ ปิดบวก โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นนำตลาด ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มพลังงาน และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนกลุ่มที่กดดันตลาด คือกลุ่มสื่อสาร จากแรงขายทำกำไร หลัง บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์
สำหรับปัจจัยที่จะกระทบบรรยากาศการลงทุนจะอยู่ที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 เป็นหลัก เพราะปัจจัยภายนอกยังไม่มีประเด็นใหม่ รวมถึงเป็นช่วงหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.2565) จะแกว่งทรงตัวในกรอบ 1,640-1,655 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,507.74 ล้านบาท ปิดที่ 149.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,735.53 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 2,559.69 ล้านบาท ปิดที่ 89.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,287.29 ล้านบาท ปิดที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,053.81 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
