วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“เต้น”ย้อนวันครบรอบ8ปีนกหวีดล้มเลือกตั้ง2ก.พ.เบิกทางรปห.รับอำนาจคนๆเดียว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เต้น”ย้อนวันครบรอบ8ปีนกหวีดล้มเลือกตั้ง2ก.พ.เบิกทางรปห.รับอำนาจคนๆเดียว

“ณัฐวุฒิ”ย้อนวันครบรอบ 8 ปี นกหวีดล้มเลือกตั้ง 2 ก.พ.ปฏิเสธอำนาจอธิปไตยของประชาชนด้วยกันเอง แล้วยอมรับการยึดอำนาจไปเป็นของคนเพียงคนเดียว ชี้บาดแผลฉกรรจ์ของสังคมไทย

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ อ.ห.ต. เขียนข้อความทางเฟซบุ๊กวันครบรอบ 8 ปี กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557  โดยมีรายละเอียดดังนี้

“ตั้งแต่นายสุเทพเริ่มตั้งเวทีชุมนุมได้ระยะหนึ่ง หลายคนก็ประเมินตรงกันว่า สถานการณ์จะจบด้วยการยึดอำนาจ แต่ทุกอย่างยิ่งชัดขึ้น หลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา โดยประชาธิปัตย์บอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง

เราพูดย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าหนังม้วนเก่าเมื่อปี 2549 กำลังฉายซ้ำ ยุบสภา บอยคอต ขัดขวางการเลือกตั้งจนเป็นโมฆะ สร้างเกมเปิดทางให้รถถัง เรียกร้องว่าอย่าหาทำ แต่ประชาธิปัตย์และแกนนำกปปส.กลับดึงดันเดินตามรอยเดิม

ผมเชื่อว่า นักการเมืองทั้งที่เป่านกหวีด และในพรรคที่สนับสนุน รู้แก่ใจว่า ถึงที่สุดจะรัฐประหาร เมื่อคสช.เข้าสู่อำนาจมีการเลี้ยงฉลองเอิกเกริก หลายคนขึ้นเรือแป๊ะไปรับงาน ถ้าจะปฏิเสธว่า ไม่รู้ ไม่เจตนา ประชาชนก็โปรดใช้วิจารณญาณ

การชุมนุมต่อต้านจนรัฐบาลยุบสภาเป็นเรื่องเข้าใจได้ ถ้าจบตรงนั้น ทุกพรรคลงเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินใจ ใครเป็นรัฐบาลยกเอาวาระปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องหลัก เสร็จแล้วเลือกตั้งกันใหม่ บ้านเมืองจะไม่พังยับเหมือนวันนี้

การขัดขวางการเลือกตั้ง ขมขู่ ทำร้ายร่างกายผู้ประสงค์ลงคะแนน ประณามบุคคลที่ออกไปใช้สิทธิ์ ดารา คนมีชื่อเสียงชวนกันผลิตสื่อรณรงค์ไม่ไปเลือกตั้ง เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริง และวันนี้ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ครบ 8 ปีแล้ว

การล้มเลือกตั้ง ปฏิเสธอำนาจอธิปไตยของประชาชนด้วยกันเอง แล้วยอมรับการยึดอำนาจไปเป็นของคนเพียงคนเดียว คือบาดแผลฉกรรจ์ของสังคมไทย และไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นซ้ำกันได้ 2 ครั้ง ในเวลาไม่ถึง 10 ปี

หลังการยึดอำนาจ พลังเกรี้ยวกราดที่เรียกร้องการปฏิรูปกลับอ่อนโทรมลง ที่เคยขวางเลือกตั้งก็พร้อมใจกันเข้าร่วม ภายใต้กติกาล็อคสเปค ฉ้อฉลอำนาจประชาชน

ลุงกำนันที่ประกาศเลิกการเมืองเด็ดขาดก็ตั้งพรรค แม้แต่คณะยึดอำนาจเองก็เป็นพรรคการเมือง ลงเลือกตั้ง ร่วมรัฐบาล การเมืองมีแต่เรื่องกล้วย แย่งชิงอำนาจ ผลประโยชน์ในรัฐบาล ปฏิรูปอะไรสำเร็จแล้วบ้าง ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่หยิบยกมาพูดกัน

ถึงวันนี้หวังว่าสังคมไทยจะได้สรุปบทเรียน การรักษาระบบ ปฏิเสธอำนาจนอกระบบ ต้องเป็นหลักการใหญ่แม้แต่ละฝ่ายจะคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน ที่เคยเผลอใจมีสิทธิ์คิดใหม่ เลือกยืนบนหลักการประชาธิปไตยได้ตลอดเวลา

ประเทศที่มีเลือกตั้งบ่อยครั้ง กับประเทศที่มีการยึดอำนาจบ่อยครั้ง แบบไหนจะมีอนาคตมากกว่ากัน

ประเทศที่มีการขัดขวางการเลือกตั้ง แต่ไม่ขัดขวางการรัฐประหาร ยอมรับอำนาจเผด็จการ จะเหลือความหวังอะไรให้คนรุ่นต่อไป”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img