หน้าแรกHighlight‘นายกฯ’ย้ำรักษาแผ่นดินไทยเหนือสิ่งใด ยันเดินหน้าคุยกัมพูชาแก้ปัญหาเขตแดน

‘นายกฯ’ย้ำรักษาแผ่นดินไทยเหนือสิ่งใด ยันเดินหน้าคุยกัมพูชาแก้ปัญหาเขตแดน

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img


นายกฯ ยืนยันไทยไม่ปล่อยให้ปัญหาพรมแดนค้างคา เดินหน้าคุยกัมพูชาภายใต้กรอบ JBC พร้อมย้ำจุดยืนชัด—“รักษาแผ่นดินไทยไว้เหนือสิ่งอื่นใด”


เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับวันเลือกตั้งว่า ขณะนี้ทาง กกต.ได้แจ้งระยะเวลาเบื้องต้นแล้ว ส่วนกรณีการจัดทำประชามติว่าด้วยบันทึกความเข้าใจ MOU 43 และ MOU 44 ระหว่างไทย–กัมพูชา ยังต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรก่อน

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ภายหลังวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ตนมีแผนจะลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยเฉพาะบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อรับฟังความคืบหน้าการแก้ปัญหาเขตแดนไทย–กัมพูชาในหลายประเด็น แม้กระบวนการทั้งหมดจะยังไม่จบเร็ว แต่ยืนยันว่าจะต้องเดินหน้าต่ออย่างมีทิศทาง “เราไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกอย่างจบในครั้งเดียว ขอเพียงเริ่มขยับและแก้ไปทีละขั้น” นายอนุทินกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี “ประสาทตาควาย” ฝั่งกัมพูชา นายกรัฐมนตรีตอบว่า เรื่องนี้จะต้องเข้าสู่การหารือในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) โดยจะค่อยๆ แก้ไขในแต่ละประเด็นตามกระบวนการทางการทูตที่กำหนดไว้ “เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมเจรจา มีหลักฐานและเทคโนโลยีสนับสนุน ไม่จำเป็นต้องใช้อารมณ์ แต่ต้องใช้เหตุผล”

ส่วนกระแสกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่เตรียมรวมตัวกันไป “ทวงคืนประสาทตาควาย” นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความรักชาติ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายไทยและไม่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยึดมั่นในหลักการรักษาแผ่นดินไทยไว้เหนือสิ่งอื่นใด

“พื้นที่บ้านหนองจานเป็นของไทยแน่นอน แต่เมื่ออีกฝ่ายอ้างว่าเป็นของเขา เราก็ต้องพูดคุยให้ชัดเจนในกรอบ JBC และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เรามีนโยบายชัดเจน คือรักษาอธิปไตยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้สมดุล” นายอนุทินกล่าวย้ำ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเข้าพบของหัวหน้าตำรวจจากประเทศสมาชิกอาเซียนและเลขาธิการตำรวจอาเซียนในวันเดียวกันว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกประเทศร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ (Transnational Crime) โดยเฉพาะกลุ่มสแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมยุคดิจิทัลที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

“อาเซียนต้องร่วมกันเฝ้าระวังภัยรูปแบบใหม่ เพราะวันนี้อาชญากรรมไม่หยุดอยู่แค่พรมแดน เราต้องเชื่อมมือกันทั้งภูมิภาค เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนทุกประเทศ” นายอนุทินกล่าวทิ้งท้าย

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img