“หมอชลน่าน”ยืนยันไม่มีการเกี๊ยะเซียะเลื่อนศึกซักฟอก

‘หมอชลน่าน’ลั่นไม่มีฮั้วรัฐบาลเลื่อนซักฟอก ยันเจตนารมณ์เดิมยื่นให้เร็วที่สุด ลั่นไม่เคยพูดจับมือพลังประชารัฐ ร่วมอุดมการณ์กับซีกประชาธิปไตยเท่านั้น

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.65 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการเลื่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ออกไปช่วงปลายเดือนส.ค. ว่า มีกระแสสื่อออกไปทุกแพลตฟอร์ม ที่ระบุว่าจะเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งตนในฐานะผู้ให้ข่าวขอตอบให้ชัดว่า ไม่มีเลื่อน เพียงแต่จะบอกว่าจะยื่นให้เร็วที่สุด หากไม่มีเงื่อนไขอะไรที่มากระทบ จะเลื่อนให้เร็วที่สุด แต่มีการถามต่อว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวขนาดไหน ตนเพียงแต่วิเคราะห์ให้เห็นว่ารัฐบาลจะอยู่เร็วสุดหรือช้าสุดน่าจะอยู่ได้หลังเอเปคเท่านั้นเพราะน่าจะมีการยุบสภา

ทั้งนี้นอกจากการประชุมเอเปคแล้วเงื่อนไขที่จะระบุว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ถึงช่วงปลายเดือนส.ค. 2565 คือวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ส่วนจะยื่นอภิปรายในเดือนมิ.ย.นี้ได้หรือไม่นั้น ตนตอบได้ว่าไม่ได้กำหนดวัน แต่จะยื่นให้เร็วที่สุด ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีข้อจำกัดอื่น เช่นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ต้องยื่นแล้วให้เป็นประโยชน์ แต่เพียงคาดการณ์ว่าหากยื่นแล้วจะได้อภิปรายในช่วงประมาณ เดือนมิ.ย.หรือต้นก.ค. โดยใช้คำว่าก่อนเดือนส.ค.อย่างแน่นอน แล้วก็มีคนไปตีความว่าจะเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนขอยืนยันว่าไม่มีการเลื่อนอย่างแน่นอน และขอยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะขอยื่นให้เร็วที่สุด

ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการเกี๊ยะเซียะระหว่างรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากถามว่ามีการฮั้วกัน ต้องไปถามว่าฝ่ายไหนฮั๊ว ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านไม่เคยคุยกับใครในรัฐบาล เพราะเจตนารมณ์ที่มีอยู่แล้ว คือต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลชุดนี้ เพราะเห็นแก่ประชาชนและประเทศชาติ ที่ดูว่าจะแย่ลงไปเรื่อยๆ หากรัฐบาลยังอยู่ในอำนาจ

ฉะนั้นวิธีการใดก็แล้วแต่ ที่จะทำให้ออกจากอำนาจได้หรือที่สุด เราต้องการที่จะดำเนินการ ในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไปหาเป็นเงื่อนไข ที่ยืดแล้วหรือยุบสภา จะติดล็อค ทำให้ประเทศชาตินั้นล่าช้าและรัฐบาลรักษาการยาวจนจบสมัย อันนี้เราไม่ยอม จะไม่ส่งเสริม หากหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วเสร็จรัฐบาลไม่ยุบสภาหลังจากนั้น กฎหมายลูกไม่แล้วเสร็จจะมีการตีความไปหลักหลายว่าจะนำอะไรมาใช้ในการเลือกตั้ง หากฝ่ายใดที่ตีความว่าไม่มีกฎหมายใดมาใช้ในการเลือกตั้ง รัฐบาลนี้จะเป็นรัฐบาลรักษาการ ยาวไปจนถึงครบวาระ และจะไม่มีทางออกให้กับประเทศ ซึ่งทำให้เรานั้นคิดหนัก ยืนยันว่าน่าจะไม่มีใครเข้าไปเกี๊ยะเซียะ เพราะว่าดูแล้วจากฝ่ายค้านเรา ไม่มีพรรคใด ที่จะเข้าไปเกี๊ยะเซียะ อย่างนั้น แค่จะเข้าไปยืนพูดคุยด้วยก็คงลำบากด้วยความที่สถานภาพเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

เมื่อถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่พรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐจับมือกันหลังการเลือกตั้งนั้น อาจสะท้อนภาพ ถึงการเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยพูดว่าจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะยึดมั่นในเจตนารมณ์ ที่ชัดเจนว่า จะจับมือกับพรรคที่มีอุดมการณ์เหมือนกันเท่านั้น จะไม่จับมือกับพรรคที่สนับสนุนเผด็จการ เว้นแต่กลับเนื้อกลับตัวมาเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เช่นบางพรรคที่แยกตัวออกมาและประกาศว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยอย่างนี้ตนจึงจะพิจารณา เพราะไม่ใช่ลักษณะดั้งเดิมของเขา เนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องแสวงหาการมีส่วนร่วม แม้ว่าเสียงจากทางภาครัฐบาลจะล้มพลประยุทธ์ให้ได้ อาจมีการพูดคุยกันทำนองนี้แต่จะไม่มีการเกี๊ยะเซียะ กับรัฐบาลแน่นอนว่าจะให้มีการเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป จะมีเพียงการเกี๊ยะเซียะว่าจะล้มรัฐบาลชุดนี้อย่างไรเท่านั้น

เมื่อถามย้ำว่ายังมีหวังใช่หรือไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลนั้นจะกลับใจ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจ คาดการณ์ไว้ 3 ระยะ คือยื่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วาระดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีของนายกรัฐมนตรี และการประชุมเอเปค ซึ่งเหตุการณ์ที่จะทดสอบได้ในเบื้องต้น คือการรับหลักการร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 โดยจะเข้าพิจารณาในวันที่ 1 และ 2 มิ.ย.นี้ หากเสียงตอนนั้นบ่งชัด ก็จะเป็นเชิงสัญลักษณ์และหมุดหมายที่จะทำให้เรา ยื่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่า ยังมีพรรคร่วมรัฐบาลช่วยสนับสนุน ไม่ให้รัฐบาลชุดนี้อยู่บริหารประเทศชาติต่อไป