อดีตนายตำรวจสันติบาล “สันธนะ ประยูรรัตน์” ถูกนำตัวถึง สน.ทองหล่อ หลังถูกหมายจับปี 2564 ข้อหาร่วมเป็นอั้งยี่ซ่องโจร และเรียกค่าไถ่ชาวไต้หวัน เจ้าตัวยืนยันไม่หลบหนี ชี้ถูกฝ่ายการเมืองและตำรวจหักหลัง ยันพร้อมต่อสู้คดี
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 13 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ควบคุมตัว นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล มาที่ สน.ทองหล่อ หลังถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับในข้อหา “ร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร” และ “ร่วมกันเรียกค่าไถ่และข่มขืนใจผู้อื่น”
โดยคดีดังกล่าวมีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน ขณะนี้สามารถจับกุมได้แล้ว 4 คน หนึ่งในนั้นคือนายสันธนะ ซึ่งถูกจับได้ที่โรงแรมหรูย่านใจกลางกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธปืน 4 กระบอกในที่เกิดเหตุ
ทันทีที่ถูกนำตัวมาถึง สน.ทองหล่อ นายสันธนะได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ยืนยันว่า ตนไม่ได้หลบหนี และพร้อมให้ความร่วมมือทุกขั้นตอน พร้อมระบุว่า “ถูกหักหลังจากฝ่ายการเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” โดยชี้ว่าคดีดังกล่าวเกิดขึ้นมานานกว่า 4 ปีแล้ว
นายสันธนะอ้างว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับการอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวไต้หวัน ซึ่งสำนวนคดีได้ถูกส่งฟ้องอัยการไปแล้ว และตนอยู่ระหว่างทำหนังสือขอความเป็นธรรม แต่กลับถูกออกหมายจับซ้ำอีกครั้ง พร้อมย้ำว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน เพียงแค่เคยให้ข้อมูลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันและสแกมเมอร์ข้ามชาติเท่านั้น
เจ้าตัวยังกล่าวถึงกรณีเชื่อมโยงถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ว่าไม่เกี่ยวข้องกับตน และมองว่าการดำเนินคดีครั้งนี้อาจมีเบื้องหลังทางการเมือง
“ผมไม่ได้ยุ่งการเมือง แต่ถูกกลั่นแกล้ง พยายามจะตัดตอนบางเรื่อง ผมไม่กังวล เพราะเป็นคดีเก่าและใช้สิทธิ์ประกันตัวได้ แต่คงมีแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองแน่” นายสันธนะกล่าว พร้อมตั้งคำถามว่า “ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสั่งจับผมครั้งนี้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการเปิดศึกกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ นายสันธนะตอบว่า “ไม่ใช่ เพราะผมไม่ได้หลบหนี” พร้อมระบุว่าหมายจับออกตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน แต่ตำรวจกลับนำกำลังเข้าจับกุมจำนวนมาก “เหมือนกำลังถ่ายละคร”
หลังให้สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสันธนะไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
