รองนายกรัฐมนตรีย้ำปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ สั่งฝ่ายมั่นคงคุมเข้มเฝ้าระวังสกัดกั้นยาเสพติด หลังจับยึดล๊อตใหญ่ได้ถี่ขึ้น
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรอง นรม.เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม. รับทราบรายงานสถานการณ์ยาเสพติดรอบปี 63 ที่ผ่านมา โดยได้สั่งการฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ให้ประสานการทำงานร่วมกับ ป.ป.ส. คงความต่อเนื่องคุมเข้มเฝ้าระวังสกัดกั้นยาเสพติด ล็อตใหญ่ที่มีแนวโน้มลักลอบขนย้ายในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปี พร้อมกับการเคลื่อนย้ายคนและสินค้าข้ามแดนจำนวนมากเข้ามา โดยกำชับให้เจาะลึกงานข่าว ติดตามสืบจับ ทำลายเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง และให้ขยายผลยึดทรัพย์ถึงผู้เกี่ยวข้องทุกรายไม่ให้มีที่ยืนในสังคม
สำหรับพื้นที่ชุมชนเมือง ขอให้ฝ่ายปกครองและตำรวจท้องที่ ร่วมกันดูแลและเปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดต่อเนื่องกันไป โดยเฉพาะพื้นที่รอบสถานศึกษาต้องไม่เป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด พร้อมทั้งย้ำว่า ปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนควบคู่กันไป โดยเฉพาะจำเป็นต้องเปิดรับฟังปัญหาและรับการประเมินจากชุมชนไปพร้อมๆกัน เพื่อผลสัมฤทธิ์ที่ยั่งยืนในแต่ละระดับพื้นที่
ภาพรวมสถานการณ์ยาเสพติดที่ผ่านมา แหล่งผลิตใหญ่ยังคงอยู่ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านด้านตะวันตก การลักลอบลำเลียงเข้าพื้นที่พักคอยชายแดนผ่านกองกำลังติดอาวุธและลักลอบขนย้ายต่อเข้าพื้นที่ชั้นใน ผ่านเครือข่ายขบวนการในรูปแบบต่างๆ ทั้งการดัดแปลงยานพาหนะส่วนตัว ซุกซ่อนมากับสินค้าหรือผ่านการขนส่งสาธารณะ โดยมีการติดต่ออำพรางผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมากขึ้น
ปี 63 ที่ผ่านมา ประชาชนมีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือมากขึ้น โดยฝ่ายความมั่นคง ได้รับเบาะแสจากภาคประชาชนมากขึ้นและได้ปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่องจริงจัง สามารถสืบจับกุมผู้ต้องหาได้ กว่า 1.5 แสนคน สถิติการจับกุมเทียบกับปี 62 จำนวนผู้ต้องหาลดลง แต่สามารถยึดยาเสพติดได้จำนวนมากขึ้น 2- 5 เท่าในแต่ละชนิด โดยเป็นยาบ้าสูงกว่า 358 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 650 ตัน เฮโรอีน 1.4 ตัน กัญชา 18.17 ตัน รวมทั้งยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์อื่นๆอีกจำนวนมาก โดยขบวนการมีการลักลอบขนย้ายยาบ้าล็อตใหญ่ๆหลายล้านเม็ดในแต่ละครั้ง