“สสว.” เผยดัชนีความเชื่อมั่นฯเอสเอ็มอีเดือนส.ค.ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ระดับ 51.2 อีกครั้งในรอบ 4 เดือน รับอานิสงส์จากมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งจากคนไทย ต่างชาติเพิ่มขึ้น ผนวกรัฐคลอดมาตรการ “คนละครึ่งเฟส 5” กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเพิ่ม
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SME Sentiment Index : SMESI) เดือน ส.ค.เปรียบเทียบกับเดือนก.ค. พบว่า ค่าดัชนี SMESI อยู่ที่ระดับ 51.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.0 สะท้อนได้ว่าผู้ประกอบการ SME กลับมามีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ผลจากองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 58.2 การค้า /การบริการ 57.4 การลงทุน 54.2 และกำไร 49.2 ขณะที่ด้านต้นทุนอยู่ที่ระดับ 38.9 ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการมีความกังวลแม้แนวโน้มราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มปรับตัวลดลง
ทั้งนี้เมื่อพิจารณารายภาคธุรกิจ พบว่า ภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 50.6 ภาคการค้า 51.2 ภาคการบริการ 51.9 และธุรกิจการเกษตร 49.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภาคธุรกิจ จากปัจจัยบวกด้านผู้บริโภคและกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งมีผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 และส่วนขยาย ส่งผลให้มีการเดินทางออกมาท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการค้าและภาคการบริการ ให้ค่าดัชนีเพิ่มขึ้นในระดับสูง
ในส่วนดัชนี SMESI รายภูมิภาค เดือนส.ค. พบว่า ทุกภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ค่าดัชนีเพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ที่ระดับ 50.0 จากระดับ 46.1 ผลจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งกลุ่มหลัก คือ อินเดีย มาเลเซียและสิงคโปร์
รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมอบรม/สัมมนา ส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รองลงมาคือกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 53.4 จาก 50.3 ผลจากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว ส่งผลดีต่อธุรกิจร้านอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภคและร้านค้าที่อยู่ใกล้สถานศึกษาซึ่งนักเรียนนักศึกษากลับมาเรียนแบบปกติเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ผู้ประกอบการคาดว่า โครงการคนละครึ่ง เฟส 5 จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้ขยายตัวได้มากขึ้น ภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 48.9 จาก 46.5 เนื่องจากกำลังซื้อในพื้นที่ขยายตัว จากผู้บริโภคกลุ่มแรงงานที่กลับมาทำงานเต็มเวลาตามปกติ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 50.5 จาก 48.7 ผลจากเศรษฐกิจในพื้นที่ขยายตัว ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่งผลต่อกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจการเกษตรที่ขายสินค้าได้ราคาดี ภาคกลาง อยู่ที่ 51.8 จาก 50.1 ผลจากธุรกิจขยายตัว ทั้งจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนขยาย
การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเชิงวัฒนธรรม ภาคเหนือ อยู่ที่ 51.1 จากระดับ 50.7 ผลจากภาคการท่องเที่ยวขยายตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติฝั่งยุโรป ที่มาพำนักแบบครอบครัว ส่งผลดีต่อธุรกิจในพื้นที่ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม และโฮมสเตย์ แนวโน้มยอดจองล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีการลงทุนเพื่อปรับปรุง/ซ่อมแซม และรีโนเวทสถานที่เพื่อรองรับฤดูท่องเที่ยวช่วงปลายปี ส่งผลดีกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กอีกด้วย
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 53.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 51.9 ผลจากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่คาดว่าเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวต่อเนื่องในช่วงปลายปี โดยเฉพาะกำลังซื้อและกำไรที่ดีขึ้น จากสัญญาณการชะลอตัวลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ SME ยังต้องเฝ้าระวังและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คือการบริหารจัดการด้านต้นทุนในการดำเนินงานที่ยังคงสูง แม้ว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เพื่อลดผลกระทบกับราคาสินค้าที่ส่งถึงผู้บริโภค เช่นเดียวกับสถานการณ์การแข่งขันกับคู่แข่งโดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ และการทำการตลาด การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบแม้ลดบทบาทลงไปมาก รวมถึงปัญหาหนี้สินและปัญหาด้านแรงงาน