กรมการค้าต่างประเทศ เปิด 10 ผลงานเด่นรอบปี เน้นนโยบายเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ -ยกระดับการให้บริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัล จับมือภาครัฐและเอกชนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ
นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยผลงานโดดเด่นของกรมการค้าต่างประเทศในปี งบประมาณ 2565 (ต.ค.64-ก.ย.65) ว่า กรมฯเน้นขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ พร้อมกับยกระดับการอำนวยความสะดวกทางการค้าต่างประเทศด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ให้สอดคล้องกับบริบทการค้าโลกยุคใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มมูลค่าการค้าของไทยให้เติบโต รวมถึงส่งเสริมให้ภาคธุรกิจฟื้นตัวและผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ ผลักดันการค้าและเร่งรัดการส่งออกขยายโอกาสทางการตลาด ตลอดจนพัฒนาการให้บริการภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ควบคู่กับการสร้างสังคมที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน
โดยผลงานสำคัญ 10 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านการค้าชายแดน มีการผลักดันการเปิดจุดผ่านแดนฝั่งไทยเพิ่มอีก 24 แห่ง รวมเป็น 70 แห่ง และประเทศเพื่อนบ้านเปิด 57 แห่ง จากทั้งหมด 97 แห่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจพื้นที่ชายแดนให้เกิดกิจกรรมทางการค้าและการลงทุน โดยเป้าหมายการส่งออกชายแดนรวมและผ่านแดนรวม ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 5 หรือมูลค่า 1.08 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบจากปี2564 มูลค่าการค้าชายแดนรวม 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค. 65) 618,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.63 โดยเป็นมูลค่าการส่งออก 376,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.85 มูลค่าการนำเข้า 242,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.87 และได้ดุลการค้า 133,542 ล้านบาท
ด้านสินค้าข้าว มีการส่งเสริมการส่งออกสินค้าข้าวผ่านโครงการประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในต่างประเทศ และงานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติ THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 รวมถึงจัดการประชุมหารือกับหน่วยงานของประเทศผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนและติดตามสถานการณ์การค้าข้าวระหว่างกัน โดยข้อมูลจากกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออกข้าวในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 (ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-20 ก.ย. 65:) การส่งออกมีปริมาณ 5.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.46 มูลค่าการส่งออก 93,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.11 ทั้งนี้ กรมฯ ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้ปรับเป้าส่งออกข้าวไทยในปี 2565 จาก 7 ล้านตัน เป็น 7.5 ล้านตัน
ด้านสินค้ามันสำปะหลัง กรมฯ ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันการส่งออก ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวส่งผลให้ตลาดส่งออกมีเสถียรภาพส่งผลดีกับราคามันสำปะหลังทั้งระบบ นอกจากนี้ได้ร่วมกันจัดทำแผนการขยายตลาดปี 2565/66 ได้แก่ (1) ตลาดเดิม : จีน (2) ตลาดเก่า : ยุโรป และ (3) ตลาดใหม่ : ตุรกี นิวซีแลนด์ อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และซาอุดีอาระเบีย
โดยในช่วง 8 เดือนแรก ปี2565 ไทยส่งออกสินค้ามันสำปะหลังแล้วปริมาณ 8.10 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 3,112.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าจะส่งออกสินค้ามันสำปะหลังได้ 11 ล้านตัน มูลค่า 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ซึ่งเป็นมูลค่าส่งออกสูงสุดในรอบ 15 ปี รวมถึงการแก้ไขปัญหาการส่งออกมันสำปะหลังไปจีนผู้ประกอบการไทยทั้งหมด 90 รายที่ได้ลงทะเบียนฯ กับ GACC ได้รับการอนุมัติขึ้นทะเบียนทั้งหมดแล้ว และผู้นำเข้าสินค้าที่ถูกกักอยู่ ณ ด่านศุลกากรของจีน จำนวน 17 ราย สามารถนำสินค้าออกจากท่าเรือได้ทั้งหมด
ด้านสินค้าเกษตรนวัตกรรม มีการผลักดันผู้ประกอบการสินค้าเกษตรนวัตกรรมกว่า 300 ราย ผ่านกิจกรรมส่งเสริมช่องทางการตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ก่อให้เกิดมูลค่าการค้า รวมทั้งสิ้น 43 ล้านบาท กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจงานวิจัยสินค้าเกษตรนวัตกรรม มีบริษัทเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 30 บริษัท และมีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ 65 คู่ และการประกวดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากสินค้าเกษตรไทย Agri Plus Award 2022 เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล
ด้านสิทธิประโยชน์ทางการค้า มีการส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTAs และ GSP โดยจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก้ผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 4 ครั้ง โดยช่วงเดือน ม.ค. – ก.ค. 2565 การใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTAs มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวม 49,900.11 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 80.98 การใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง GSP มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวม 2,194.73 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 56.59 นอกจากนี้ ยังได้จัดแถลงสรุปความสำเร็จ 15 ปี กองทุน FTA (2550-2565) ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้า 23 รายการ และ 6 ประเภทบริการ รวม 62 โครงการ เป็นเงินงบประมาณ 425 ล้านบาท
ด้านมาตรฐานสินค้าส่งออก กรมฯ ได้พัฒนาระบบ “จ่ายปุ๊บ ต่อปั๊บ” หรือ ระบบชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบทะเบียนผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานและใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า และผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้ แทนการยื่นคำขอ พร้อมปรับปรุงและออกข้อบังคับกรมการค้าต่างประเทศว่าด้วยการใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย พ.ศ. 2565 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิไทยในการใช้ประโยชน์จากเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยที่จำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคว่าได้บริโภคข้าวหอมมะลิไทยอย่างแท้จริง
มาตรการทางการค้า ขับเคลื่อนมาตรการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง หรือ TCWMD ผ่านโครงการภาคีเครือข่ายความร่วมมือระบบงานควบคุมสินค้าภายในองค์กร (ICP Network) และโครงการบ่มเพาะระบบงานควบคุมสินค้าภายในองค์กร (ICP In-house) ที่อบรมผู้ประกอบการไปแล้วกว่า 134 ราย
ส่วนการพัฒนาระบบบริการ โดยการยกระดับบริการดิจิทัล อาทิ SMART-I และ SMART C/O ซึ่งมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกกรมฯ ทำให้ช่วยลดการเรียกเอกสารประกอบการพิจารณา และสามารถให้บริการแบบ No visit ในรูปแบบ Paperless คาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนทางการค้าให้ผู้ประกอบการได้กว่า 480 ล้านบาท ต่อปี
สำหรับการแก้ปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำ กรมฯ ได้มีการติดตามตรวจสอบการนำเข้ามะพร้าวผลอย่างเข้มงวดมาอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2565 ได้มีหนังสือถึงผู้นำเข้ามะพร้าวผลและประชาสัมพันธ์เพื่อย้ำเตือนให้ผู้นำเข้าปฏิบัติตามมาตรการการนำเข้าอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ราคามะพร้าวผลใหญ่ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั่วประเทศเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ 8.64 บาทต่อผล เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 0.87 บาทต่อผล ที่ขายได้ 7.77 บาทต่อผล (ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) และคาดว่าราคาในประเทศจะมีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตภายในประเทศเริ่มลดลง
รวมถึงการป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า กรมฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไป โดยกำหนดรายการสินค้าเฝ้าระวังจำนวน 42 รายการ และผู้ส่งออกต้องมีผลการตรวจถิ่นกำเนิดสินค้าหรือตรวจต้นทุนของสินค้าเฝ้าระวังดังกล่าว ประกอบการขอ Form C/O ทั่วไป