ทูตพาณิชย์เผยส่งออกไทย 8 เดือนไปรัสเซีย ติดลบ 35.43 % หลังปมขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนปะทุ สินค้าอุตสาหกรรม กระทบหนักสุด จับตานานาชาติออกมาตรการคว่ำบาตร
นายกิตตินันท์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.) ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังตลาดรัสเซียอย่าง รุนแรงในช่วงเดือนมี.ค. – เม.ย. 2565 หลังจากนั้นอัตราการหดตัวก็เริ่มชะลอตัวลง
โดยในเดือนส.ค. ไทยมีมูลค่าการส่งออก 61.5 ล้านดอลลาร์ ขยับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 32% แต่หาก เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ลดลง -25.10 % ภาพรวม 8 เดือนแรกไทยมีมูลค่าการส่งออกไปยังรัสเซียมูลค่า 400.31 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 35.43 %
อย่างไรก็ตาม การส่งออกไทยที่ติดลบเริ่มมีแนวโน้มการชะลอตัวที่ลดลง เนื่องจาก มีสายการเดินเรือใหม่ ๆ ในแถบเอเชียเข้ามาให้บริการขนส่งสินค้าเข้า-ออกรัสเซียมากขึ้น เพื่อทดแทนสายการเดินเรือหลักของยุโรปที่ถอนตัวออกไปนอกจากนี้ได้อานิสงส์จากเงินรูเบิลที่แข็งค่าขึ้นมากเมื่อ เทียบกับเงินดอลลาร์ช่วยให้ต้นทุนสินค้านำเข้าไม่สูงเกินไป
ขณะเดียวกันสินค้าหลักทุกหมวดล้วนได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียของ ประเทศตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การเข้าถึงเงิน สกุลหลัก การขาดแคลนชิ้นส่วนในระบบห่วงโซ่อุปทาน และที่สำคัญที่สุดคือระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ถูก จำกัดและขาดความแน่นอน
ส่วนความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและประเทศตะวันตก พบว่ามาตรการคว่ำบาตรฯ ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถทำลายเศรษฐกิจของรัสเซียเสียหายอย่างที่ประเทศตะวันตกคาดหวัง โดยรัสเซียยังคงมีรายได้ทดแทนจากการส่งออกสินค้าพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ ไปยังทวีปเอเชียและยังมีอำนาจต่อรองเหนือกว่าสหภาพยุโรปที่จำเป็นต้องอาศัยพลังงานของรัสเซีย
อีกทั้งรัสเซียก็ สามารถหามาตรการอื่น ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจภายในประเทศได้เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนบ้างคือ ภาวะเงินเฟ้อ การขาดแคลนสินค้าบางอย่างที่รัสเซียไม่สามารถนำเข้า ได้เหมือนเดิม และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ติดลบ รวมทั้งผลกระทบในระยะยาวจากธุรกิจของต่างชาติที่ ทยอยถอนตัวออกจากรัสเซีย การขาดแคลนอุปกรณ์และชิ้นส่วนของยานยนต์และระบบการผลิต และการขาดเงิน ลงทุนและเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เป็นต้น
ในส่วนของการค้าไทยกับรัสเซียมีมูลค่าไม่มากนัก โดยที่ผ่านมาไทยพึ่งพาหมวดสินค้าอุตสาหกรรมหลักที่ไทยส่งออก ไปรัสเซียคือ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ที่เคยมีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 30% ซึ่งหากรวมเอายาง รถยนต์และเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบเข้าไปด้วยแล้ว ก็จะทำให้มีสัดส่วนรวมถึง 40 % ของการส่งออกของไทยทั้งหมด
แต่มาตรการคว่ำบาตรฯ และความปั่นป่วนของห่วงโซ่อุปทานโลกได้ส่งผลลบต่อ อุตสาหกรรมเหล่านี้ค่อนข้างรุนแรงจนทำให้มูลค่าการส่งออกรวมของไทยไปยังรัสเซียในปี 2565 หดตัวลงในอัตราสูง
สำหรับโครงสร้างสินค้าส่งออกจากไทยไปยังตลาดรัสเซียในช่วง 8 เดือนแรก ปี 2565 พบว่า กลุ่มสินค้าอุตสาห กรรมการเกษตร มีความโดดเด่นโดยยังสามารถขยายตัวได้ดีในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ ขณะที่ กลุ่มสินค้าอุตสาห กรรม เป็นกลุ่มสินค้าหลักที่ครองส่วนแบ่งการส่งออกจากไทยทั้งหมดประมาณเกือบ 70 % ปรับตัว ลดลงจากสัดส่วนปกติที่เคยอยู่ในระดับ 80 % ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้กระจายออกเป็นหมวดรถยนต์ อุปกรณ์ และ ส่วนประกอบเป็นสินค้าหลัก สัดส่วน19.43 % ของการส่งออกทั้งหมดของไทยไปยังรัสเซีย
สำหรับสินค้าอื่น ๆ ที่ไทยส่งออกไปยังรัสเซีย มีประเด็นปัญหาสำคัญที่สุดในขณะนี้คือการขนส่งสินค้าระหว่าง ประเทศที่มีผลมาจากมาตรการคว่ำบาตรฯ ซึ่งเส้นทางการขนส่งหลักทางทะเลของสินค้าไทยจะใช้เส้นทางผ่านยุโรป ไปยังท่าเรือเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เหลือเพียงท่าเรือเมืองวลาดิวอสตอคในตะวันออกไกลของรัสเซียที่จำเป็นต้องขนส่งต่อจากท่าเรือโดยทางรางไปยังฝั่งตะวันตกที่เป็นที่ตั้งของเมืองเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีสายการเดินเรือใหม่ ๆ ในเอเชียเข้ามาให้บริการทดแทนและคาดว่าสถานการณ์การ ขาดแคลนจะปรับตัวดีขึ้น