ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สูงสุดในรอบ 8 เดือน หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แม้ต้องเผชิญกับราคาน้ำมันแพง ค่าครองชีพพุ่ง สงครามรัสเซีย-ยูเครน คาดทั้งปีจีดีพีโต 3-3.5%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) เดือน ก.ย. 2565 อยู่ที่ 44.6 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค. 2565 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 เป็นต้นมา ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 28.7 เป็น 29.6 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 50.8 มาอยู่ที่ระดับ 51.7ทั้งนี้เป็นผลมาจากเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย และผ่อนเกณฑ์ต่าง ๆ หลังเปิดประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการที่ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 38.6 จากส.ค.อยู่ที่ 37.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม 41.9 จากส.ค.อยู่ที่ 40.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 53.3 จากส.ค.อยู่ที่ 52.3 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนส.ค. สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวขึ้น
แต่การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนยังคงกังวลในสถานการณ์โควิด-19 ในไทยและทั่วโลกที่ยังคงมีอยู่แม้ว่าจะคลายตัวลงก็ตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต และทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจีดีพีปีนี้ขยายตัว 3.0-3.5% จากการที่รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง