“พาณิชย์” เปิด 10 ธุรกิจดาวเด่นส่งท้ายปลายปีนี้และโดดเด่นต่อเนื่องยาวในปี 66 มูลค่าตลาดทะลุกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจตั้งแต่จดทะเบียน งบการเงิน ผลประกอบการ และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา และมีการลดระดับโรคโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง รวมทั้ง มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศกลับมาสดใสคึกคักอีกครั้ง
ทั้งนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ทำการวิเคราะห์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ และถือว่าเป็นธุรกิจดาวเด่นที่น่าจับตามองปลายปี 2565 จำนวน 10 ธุรกิจ และคาดว่า ปี 2566 ธุรกิจดังกล่าวก็ยังคงมีความโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทำการวิเคราะห์จากข้อมูลทางธุรกิจของกรมฯ ตั้งแต่สถิติจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ จำนวนธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ สถานที่ตั้ง งบการเงิน ผลการประกอบธุรกิจ ข้อมูลปัจจัยทางธุรกิจและเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกกรมฯ
ขณะเดียวกันได้จัดประเภทธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจที่สอดรับกับปัจจัยการเปิดประเทศ กลุ่มธุรกิจที่สอดรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ กลุ่มธุรกิจที่สอดรับกับการหันมาดูแลสุขภาพของผู้บริโภค และธุรกิจในกลุ่มนี้มีการเติบโตสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันพบว่า ธุรกิจ 10 ดาวเด่นประกอบด้วย
1.ธุรกิจร้านอาหาร ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจ 2,288 ราย เพิ่มขึ้น 59.67%
2.ธุรกิจจองที่พักและการเดินทาง มีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจ 722 ราย เพิ่มขึ้น 261 เท่า หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64
3.ธุรกิจผับบาร์และสถานบริการกลางคืน มีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจ 102 ราย เพิ่มขึ้น 200 เท่า หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64
4.ธุรกิจ MICE ซึ่งธุรกิจในกลุ่มนี้ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการเปิดประเทศ และมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน อีกทั้งฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของประเทศในช่วงสิ้นปี ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีการจัดตั้งธุรกิจ ทั้งหมด 1,202 ราย เพิ่มขึ้น 10.17%
5.ธุรกิจขายปลีกสินค้าทางเภสัชภัณฑ์ การจัดตั้งธุรกิจทั้งหมด 33 ราย เพิ่มขึ้น 200 เท่า เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ในปี 64 ธุรกิจนี้ยังมีกำไรสูงถึง 155.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 2%
6.ธุรกิจบริการด้านสุขภาพและความงาม การจัดตั้งธุรกิจทั้งหมด 506 ราย เพิ่มขึ้น 1 เท่า มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่กว่า 1,270.08 ล้านบาท
7.ธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศเครื่องหอมยารักษาโรคและพืชทางเภสัชภัณฑ์ โดยธุรกิจในกลุ่มนี้ได้รับแรงกระตุ้นจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้ประชาชนหันมาใส่ใจในสุขภาพของตนเองมากขึ้น และมีความต้องการใช้สมุนไพรเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้สมุนไพรไทยในการรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคโควิด-19 เช่น ฟ้าทะลายโจร สารสกัดหอมแดงในรูปแบบนาโน (HomHom Balm Gel) โดยมีการเติบโตของการส่งออกสมุนไพรอย่างต่อเนื่อง มีการจัดตั้งธุรกิจทั้งหมด 245 ราย เพิ่มขึ้น 57% และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ 620.20 ล้านบาท
8.ธุรกิจการค้าออนไลน์ (e-Commerce) ที่นิยมซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์แทนการซื้อสินค้าหน้าร้าน มีการจัดตั้งธุรกิจทั้งหมด 1,214 ราย เพิ่มขึ้น 12.51% นอกจากนี้ ธุรกิจดังกล่าวยังมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2564 มีรายได้สูงถึง 135,856.52 ล้านบาท
9.ธุรกิจอาหารแช่แข็ง ที่ให้ความสะดวก ง่าย และรวดเร็ว ตอบสนองวิถีชีวิตในรูปแบบปัจจุบัน มีการจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 คิดเป็น 1 เท่า และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นคิดเป็น 2.7 เท่า
10.ธุรกิจยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยสร้างมลพิษน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงรูปแบบอื่น มีการจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น 1.26 เท่า และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นคิดเป็น 133 เท่า สอดคล้องกับธุรกิจผลิตรถยนต์ส่วนบุคคลที่กว่า 60 % ของนิติบุคคลจัดตั้งมีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม 10 ธุรกิจดังกล่าว ณ วันที่ 30 ก.ย. 65 มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2,018,062.10 ล้านบาท และมีธุรกิจคงอยู่ทั้งสิ้น 55,612 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 474,274.66 ล้านบาท คาดว่าปี 2565 นี้ การประกอบธุรกิจของภาคธุรกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นและเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น และส่งผลถึงปี 2566 อย่างต่อเนื่อง