วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightOR โชว์แผน 5 ปีทุ่มเม็ดเงิน 3 หมื่นล้าน ขยายการลงทุนรุกนอนออยล์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

OR โชว์แผน 5 ปีทุ่มเม็ดเงิน 3 หมื่นล้าน ขยายการลงทุนรุกนอนออยล์

“โออาร์” วางแผน 5 ปีลงทุน 3 หมื่นล้านบาท เล็งขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มปีหน้า 100 แห่ง พร้อมเน้นนอนออยล์ ทั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 500 จุดทั่วประเทศ-ขยายกำลังผลิตเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรเท่าตัว

นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า  แนวโน้มยอดขายน้ำมันในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปีนี้ โดยตั้งเป้าเพิ่มสถานีบริการน้ำมันจำนวนใกล้เคียงปีนี้  100 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 1,957 แห่ง และยังมีแผนการขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยคาดว่าภายในช่วงสิ้นปีนี้จะมีประมาณ 300 จุด ครอบคลุมในเส้นทางสายหลัก แม้อาจลดลงกว่าเป้าเดิมที่วางไว้ 500 จุด

โดยมองว่า ความต้องการอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าตลาดและการเเข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นบริษัทตั้งเป้าในปี 2566 จะขยายสถานีชาร์จ EV เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 500 จุด รวมทั้งหมดเป็น 800 จุด

“สถานีน้ำมันต้องเป็นมากกว่าการเติมน้ำมัน รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรในแบบ inclusive growth ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งเน้นเติบโตในแบบ outside-in โดยแสวงหาโอกาสการลงทุนในตลาดใหม่”

ซึ่งจากสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว หลังการระบาดโควิด-19 และการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเป็นปัจจัยบวกต่อโออาร์ ได้รับอานิสงส์ส่งผลให้ทิศทางยอดขายน้ำมันในปี 2565

คาดว่าจะเติบโตมากกว่าปี 2564 ที่มียอดขายช่วง 9 เดือนของปี 2564 อยู่ที่ 16,000 ล้านลิตร อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

“จากข้อมูลที่มีขณะนี้ เห็นได้ว่าจำนวนผู้มาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันสูงกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยมีจำนวนผู้มาใช้บริการเฉลี่ยมากกว่า 4 ล้านคนต่อวัน จากเดิม 3 ล้านคนต่อวัน ดังนั้นคาดว่าปีนี้ ยอดขาย รายได้ และส่วนแบ่งการตลาดของ OR จะขยายและเติบโตขึ้นจากปี 2564 ซึ่งสะท้อนจากช่วง 9 เดือนของปี 2565 อยู่ที่ 43.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 41.8%”

 นายสมยศ คงประเวช รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า รูปแบบสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ต่อไปจะไม่ใช่แค่สถานีบริการน้ำมันแล้ว แต่จะเรียกว่า community space โดยเร็ว ๆ นี้จะเห็นโมเดลใหม่ที่วิภาวดี 62 พื้นที่ประมาณ 10 กว่าไร่ ซึ่งภายในนั้นปรับสัดส่วนสถานีบริการน้ำมัน 30% ส่วนอีก 70% เป็นพื้นที่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนอย่างครบวงจร (one-stop solution for all lifestyle)

ขณะเดียวกันจะเพิ่มร้านคาเฟ่ อเมซอนอีก 400 สาขา จากปัจจุบัน 3,927 สาขา รวมไทยและต่างประเทศ โดยธุรกิจกาแฟน่าสนใจมาก จากปัจจุบันที่มีอัตราการบริโภคกาแฟสูงถึง 1 ล้านแก้วต่อวัน ดังนั้น อนาคตในช่วง 5 ปี จะขยายกำลังผลิตเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรเท่าตัว จากปัจจุบัน 4,500 ตัน/ปี เป็น 11,700 ตัน/ปี โดยจะเพิ่มการลงทุน 700 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากการเติบโตของธุรกิจกาแฟ ทำให้ในแต่ละวัน โออาร์ต้องซื้อกาแฟสารจากเกษตรกร (green bean) ภายใต้มูลนิธิโครงการหลวง บริษัท สานพลังวิสาหกิจเพื่อสังคม และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตกาแฟในประเทศ ตั้งแต่ปี 2558-2565 รวมแล้วกว่า 4,846 ตัน มูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ โออาร์ยังสร้างความเติบโตให้ “พันธมิตร” ไปพร้อมกัน โดยจะผลักดันให้บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ธุรกิจร้านอาหาร แบรนด์โอ้กะจู๋ ที่โออาร์ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนประมาณ 20% เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2567

เพื่อนำเงินทุนไปขยายการเติบโตธุรกิจ และบริหารจัดการครัวกลางให้มีประสิทธิภาพ ด้วยวิสัยทัศน์ของธุรกิจโอ้กะจู๋สอดคล้องกับวิสัยทัศน์โออาร์ ที่ให้ความสำคัญกับ 3P หรือสังคมชุมชน (people) สิ่งแวดล้อม (planet) และผลประกอบการ (performance) อย่างต่อเนื่อง

นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโครงการ ORion กล่าวว่า วิสัยทัศน์ธุรกิจปี 2573 ได้ปรับสัดส่วนการลงทุน โดยปัจจุบันกลุ่มน้ำมัน (oil) อยู่ที่ 70% กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (nonoil) 25% และอีก 5% เป็นการลงทุนในต่างประเทศและกลุ่มอินโนเวชั่น อนาคตกลุ่มออยล์อยู่ที่ 30% กลุ่มนอนออยล์ 35% ลงทุนต่างประเทศ 20% และกลุ่มอินโนเวชั่นอยู่ที่ 20%

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน OR มีเครือข่าย PTT Station และเครือข่ายร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งมีลูกค้าใช้บริการประมาณ 3.3 ล้านคนต่อวัน และการสร้างและลงทุนในธุรกิจที่ต่อยอด OR’s Platform

นอกจากนี้ยังมีการแสวงหา สร้าง บ่มเพาะสตาร์ตอัพ และลงทุนแบบ venture capital โดย ORion มีทีมงานดูแลธุรกิจเงินร่วมลงทุน (venture capital : VC) โดยเฉพาะ เนื่องจากการลงทุนในแบบ VC ทำให้ได้จำนวนดีลเข้ามามาก ซึ่งช่วยให้ค้นพบ solution ที่เราต้องการใน ecosystem ของอุตสาหกรรม

นอกจากนี้โออาร์อยู่ระหว่างทบทวนแผนการลงทุนธุรกิจใหม่ในปี 2566 ว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ พร้อมเตรียมจัดทำแผนการลงทุนในปี 2567 โดยเบื้องต้นจะพิจารณาใน 2 เรื่องหลัก คือ ทบทวนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม และธุรกิจใดที่น่าสนใจ บริษัทอยู่ระหว่างมองหาพาร์ตเนอร์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น health & wellness, F&B, tourism, empowering SMES เพื่อเข้าลงทุนทั้งในรูปแบบซื้อกิจการ M&A

สำหรับการร่วมลงทุน JV จะเห็นภาพชัดเจนได้ในปีหน้า เพื่อเข้ามาต่อยอดแพลตฟอร์ม All in One ที่จะเปิดตัวต้นปีหน้า เพื่อให้เป็น digital platform หลักที่จะเชื่อมโยงสินค้าและบริการของ OR บน physical platform ในอนาคต คาดว่า 5 ปี จะมีสมาชิกบลูการ์ด 14 ล้านคน จากปัจจุบัน 7.5 ล้านคน และมีร้านค้า 200,000 ร้าน ซึ่งตามเป้าหมายการร่วมทุนธุรกิจใหม่ใน5 ปี จะมีเม็ดเงินรวม 30,000 ล้านบาท เราจะใช้เเพลตฟอร์มนี้เป็นหัวใจหลักของโออาร์

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img