หลายบริษัทได้มีการปรับตัวเพื่อรองรับปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบกับธุรกิจหลัก โดยได้ขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจหลัก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มุ่งขยายการลงทุนในธุรกิจนอกเหนือนการบิน หรือ Non-Aero หวังสร้างรายได้เติบโตเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ทอท. และเป็นการเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการบิน หรือ Aero ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจ Non-Aero ของ ทอท. นั้นยังเป็นการลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่จะแสวงหารายได้จากธุรกิจหลักอีกด้วย
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ธุรกิจ Non-Aero ในปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 43% ซึ่งส่วนใหญ่รายได้จะมาจากการเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (Duty free) ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ขณะที่ธุรกิจ Aero มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 57% อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 2567 ทอท.จะมีรายได้ Non-Aero สูงกว่ารายได้ Aero คิกเป็นสัดส่วน Non-Aero 60% และ Aero อยู่ที่ 40%
สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ธุรกิจ Non-Aero มีสัดส่วนรายได้ที่สูงกว่าธุรกิจ Aero ที่เป็นธุรกิจหลักนั้น ทอท.ได้วางแผนหารายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กระทบต่อรายได้ของธุรกิจหลักอย่างธุรกิจ Aero ซึ่งก็เกิดขึ้นให้เห็นแล้วในปัจจุบัน คือ ผลกระทบจากโควิด-19
โดยแผนขยายการลงทุนและพัฒนาธุรกิจ Non-Aero ที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับทอท.ในอนาคตนอนเหนือจากรายได้ Duty free นั้นในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทอท.ซุ่มฟักตัว ปรับกลยุทธ์หารายได้จาก Non-Aero มากขึ้น โดยได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “SAWASDEE by AOT” ที่ร่วมกับ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY มีเป้าหมายเพื่อให้เป็น Thailand Travel Super App ตัวช่วยหลักของนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานท่าอากาศยานไทยให้ทันสมัย
การพัฒนาแอปพลิเคชัน “SAWASDEE by AOT” อยู่ระหว่างเพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในแอปพลิเคชัน ให้ตอบโจทย์ทั้งในเรื่อง 1.Digital Airport Experiences 2.Digital Lifestyle และ 3.Digital Travel Safety คาดว่า จะสามารถเปิดใช้งานได้เต็มทุกฟังก์ชั่นภายในเดือนมกราคม 2566 รองรับฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) และคาดว่าในปีแรกของการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ จะสามารถสร้างรายได้สะพัดในแอปพลิเคชันมากถึง 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปัจจุบันแอปพลิเคชัน “SAWASDEE by AOT” นั้นมียอดดาวน์โหลดแล้วราว 8 แสน Users โดยทาง SKY ได้ตั้งเป้าจะมีผู้มาลงทะเบียนใช้แอปพลิเคชัน “SAWASDEE by AOT” จำนวน 4 ล้าน Users ภายในปี 2567 และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 10 ล้าน Users ภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้แอปพิลเคชันนี้ช่วยสนับสนุนรายได้ของธุรกิจ Non Aero ให้กับ AOT เพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ทอท. ก็มีแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายนิตินัย ระบุว่า ปัจจุบันได้ประมูลงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและระบบ สาธารณูปโภคหลักในที่ดินแปลงถนนวัดศรีวารีน้อย 723 ไร่แล้วในวงเงินราว 1,769 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนโครงการเชิงพาณิชย์ต่างๆ ในที่ดินแปลง 723 ไร่ นั้นอยู่ระหว่างจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการเชิงพาณิชย์ เบื้องต้นมีเอกชนเสนอแนวคิดในการลงทุนโครงการต่างๆ ประมาณ 40-50 โครงการ ไม่ว่าจะเป็น โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ รวมถึงโครงการบ้านพักพนักงาน และศูนย์กระจายสินค้าส่งออก โชว์รูมรถซุปเปอร์คาร์ เพื่อทดลองขับและชำระภาษีนำเข้าเบ็ดเสร็จและนำรถออกไปขับได้ทันที เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ทอท. ยังได้พิจารณาโครงการเหมาะสมที่เน้นการสนับสนุนธุรกิจด้านการบินเป็นหลัก โดยในช่วงเดือนมกราคม 2566 คาดว่าจะได้เห็นเอกชนรายแรกเข้ามาลงทุนโครงการในพื้นที่ 723 ไร่ ส่วนที่ดินแปลง 37 ราว 1,470 ไร่ ซึ่งปัจจุบัน ทอท.ได้นำไปพัฒนาเลนจักรยานแล้วบางส่วน จะเหลือให้เอกชนลงทุนได้ประมาณ 700 ไร่ ทอท.ก็มีแผนพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์เช่นเดียวกับที่ดินแปลง 723 ไร่
สำหรับโครงการที่เป็นโอกาสในการพัฒนาและสนับสนุนธุรกิจด้านการบินนั้น ทอท.ได้เปิดตลาดกลางสินค้าเกษตร ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่ต่อยอดกับธุรกิจศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรก่อนส่งออก ที่ ทอท.ดำเนินการในนาม บริษัท ท่าอากาศยานไทย ทาฟ่า โอเปอเรเตอร์ จำกัด (AOT TAFA Operator Co.,Ltd : AOTTO) ซึ่ง AOTTO ก็จะเป็นอีกบริษัทย่อยของ ทอท.จะมาช่วยขับเคลื่อนรายได้ธุรกิจ Non-Aero นอกจากนี้ ทอท.ยังได้ตั้ง บริษัท รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานไทย จำกัด อีกหนึ่งบริษัทช่วยสนับสนุนการเติบโตของ ธุรกิจ Non-Aero
“แผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์นั้น ทอท.ตั้งเป้าว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้ขององค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน โดยไม่พึ่งพาเฉพาะรายได้จากธุรกิจการบินที่มีปัจจัยแวดล้อมกระทบ อย่างการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้รายได้ด้านการบินลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์จะเป็นรายได้จากธุรกิจ Non-Aero ที่สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องและยั่งยืน”