คลังชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวท่องเที่ยวหนุน แม้ส่งออกไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่หนี้สาธารณะอยู่ที่ 60.60% ต่อจีดีพี
นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพฤศจิกายน 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขณะที่การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อน ส่วนการส่งออกสินค้าชะลอลงตามทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน4.9% สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ขยายตัวที่ 9.9%
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47.9 จากระดับ 46.1 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับทิศทางราคาสินค้าและค่าครองชีพมีแนวโน้มลดลง
ด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ลดลงจาก ช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -2.2% และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.2%
สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -3.9% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.4%
ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 22,308 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -6.0% เนื่องจาก อุปสงค์ของประเทศคู่ค้าชะลอลง ส่งผลให้สินค้าส่งออกของไทยลดลง
นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.4% ผลผลิตสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 93.5 จากระดับ 93.1 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศตามการขยายตัวของการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อ การผลิตและส่งออกสินค้าในระยะต่อไป ขณะที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ลดลงจากช่วงเดียวกัน ปีก่อนที่ -5.6%
สำหรับภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพฤศจิกายน 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 1.75 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1,815.9% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ตามลำดับ
เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนพฤศจิกายน 2565 จำนวน 19.1 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 69.0%
เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยปัจจัยกดดันจากระดับราคาสินค้าเริ่มปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 5.55% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.22% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 อยู่ที่ 60.60% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง
สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ในระดับสูงที่ 2.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ