“ออมสิน“” เดินหน้าตอบรับนโยบายรัฐช่วยเหลือภาคธุรกิจ-ประชาชนไปแล้วกว่า 4.75 หมื่นล้านบาท ชี้กำไร 27,126 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา ย้ำเป็นแบงก์รัฐนำเงินส่งเป็นรายได้แผ่นดิน 17,349 ล้านบาท สูงสุดอันดับ 4 จากรัฐวิสาหกิจ 58 แห่ง
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ออมสินเปลี่ยนมาสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคมเต็มรูปแบบ ตั้งแต่กลางปี 2563 ธนาคารได้ตอบรับนโยบายรัฐบาลในการเป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ส่งต่อความช่วยเหลือไปยังภาคธุรกิจและประชาชน โดยทำภารกิจสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ได้ในวงกว้าง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี มีผู้ได้รับประโยชน์เป็นรูปธรรมผ่านโครงการต่างๆ ถึง 16 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินที่ธนาคารให้การสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนแล้วกว่า 47,500 ล้านบาท โดยผ่านมิติความช่วยเหลือ 3 ด้าน ได้แก่
1) มิติการช่วยลดต้นทุนการกู้ สร้างแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำและเป็นธรรม ผ่านโครงการ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โครงการลดดอกเบี้ยสินเชื่อครู โครงการดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด ทำให้ประชาชนมีทางเลือกการกู้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง คิดเป็นส่วนต่างดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 32,800 ล้านบาท
2) มิติการช่วยลดภาระของลูกหนี้ ทั้งการออกมาตรการพักชำระหนี้และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงวิกฤตโควิด-19 ทำให้ธนาคารมีรายได้ลดลงกว่า 10,700 ล้านบาท จากการหยุดรับรู้รายได้ดอกเบี้ย
3) มิติการช่วยสนับสนุนงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพื่อสังคม เช่น โครงการสร้างงานสร้างอาชีพ และโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย ภายใต้กรอบแนวคิด ESG เป็นต้น จากผลการดำเนินงานที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม อย่างเป็นรูปธรรมตลอดเวลาเกือบ 3 ปี ทำให้ธนาคารออมสินได้รับรางวัลเกียรติยศจากองค์กรต่างๆ ทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติรวมทั้งสิ้น 55 รางวัล
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มียอดสินทรัพย์รวม 3,104,882 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2562) มีเงินฝาก 2,646,049 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.7% จากปี 2562) มีสินเชื่อ 2,296,928 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6.7% จากปี 2562) และระดับความแข็งแกร่งพิจารณาจากอัตราส่วนเงิน กองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 17.69%
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ในระดับ 2.55% ต่ำกว่าเป้าหมายควบคุม มีเงินสำรองเพื่อรองรับความเสียหายจากหนี้เสีย 101,878 ล้านบาท แตะระดับแสนล้านบาทครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ ช่วยให้ธนาคารมีความมั่นคงในระยะยาว คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPLs สะท้อนความมั่นคงมีเสถียรภาพของธนาคารที่ระดับ 174.28% โดยทำกำไร 27,126 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา และสูงกว่าปี 2562 ก่อนเปลี่ยน จุดยืนเป็นธนาคารเพื่อสังคม ผลกำไรเกิดจากการลดต้นทุนการดำเนินงานต่อเนื่อง เพื่อนำกำไรไปจัดสรรทำภารกิจช่วยสังคมตามนโยบายรัฐ และนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน 17,349 ล้านบาท สูงสุดอันดับ 4 จากรัฐวิสาหกิจ 58 แห่ง
สำหรับในปี 2566 มีแผนยกระดับการสร้างผลกระทบเชิงบวก Social Impact ผ่านมิติการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่
1) สร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม ผ่านบริการ สินเชื่อที่ดิน “มีที่ มีเงิน” และบริการ Digital Lending ทั้งส่วนที่ให้บริการผ่านแอป MyMo และให้บริการผ่าน Non-Bank ที่จะเปิดตัวครั้งแรกในปี 2566 นี้
2) พัฒนาศักยภาพให้เข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านการสร้างผู้ประกอบการ สร้างชุมชนเข้มแข็ง และการสร้างความมั่นคงยามเกษียณแก่ประชาชน
3) การบูรณาการ แนวคิดเพื่อสังคมลงในภารกิจสำคัญของธนาคาร ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านกระบวนการดำเนินงานและการทำโครงการพิเศษต่างๆ ตั้งเป้าให้ความช่วยเหลือและสร้างประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมได้ในระดับ ที่ลึกและกว้างขึ้น และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบ SDGs