วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSธปท.เล็งทบทวนจีดีพีใหม่มี.ค.นี้ หลังส่งออกทรุด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ธปท.เล็งทบทวนจีดีพีใหม่มี.ค.นี้ หลังส่งออกทรุด

ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยเดือนธ.ค. 65 โตสวนทางเศรษฐกิจชะลอแรงขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกหดตัว เตรียมทบทวนจีดีพีใหม่ในเดือนมี.ค.นี้

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าในเดือนธันวาคม 2565 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน แม้ได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง โดยมีแรงส่งจากภาคบริการที่ขยายตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสำคัญ ซึ่งสนับสนุนให้เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนลดลง สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐของรัฐบาลกลางทรงตัวโดยรายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจไทยมีดังนี้

ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในหลายสัญชาติ โดยเฉพาะมาเลเซียและรัสเซีย ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมในภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง

“แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาคือภาคการท่องเที่ยวโดยในเดือน ธ.ค.มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาแล้ว 2.241 ล้านคน เพิ่มขึ้นทุกสัญชาติโดยเฉพาะมาเลเซียและรัสเซีย ขณะที่ทั้งปี 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้ว 11.153 ล้านคน เฉพาะไตรมาส 4 ปี 2565 เข้ามาแล้ว 5.465 ล้านคนซึ่งส่งผลไปยังภาคบริการให้ขยายตัวจากไตรมาสก่อนหน้า 2.5%”

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากการใช้จ่ายหมวดบริการที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อ

ภาคครัวเรือนยังดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจ้างงานและความเชื่อมั่นผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งรายได้เกษตรกรในบางภูมิภาคที่ชะลอลงเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคในภาพรวม

ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน แต่ยังหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญที่ปรับดีขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ (1) หมวดสินค้าเกษตร อาทิ มันสำปะหลัง และทุเรียน

(2) หมวดยานยนต์เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตทยอยคลี่คลาย และ (3) หมวดอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับดีขึ้นบ้างตามรอบการส่งมอบสินค้าของผู้ผลิต

สำหรับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนในหลายหมวด โดยเฉพาะหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดเคมีภัณฑ์ ที่ลดลงตามอุปสงค์โลกที่ชะลอลง ขณะที่หมวดยานยนต์ปรับลดลงหลังจากได้ผลิตไปมากแล้วในเดือนก่อน อย่างไรก็ดี การผลิตบางหมวดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยเฉพาะหมวดปิโตรเลียมหลังจากได้ปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่ในช่วงก่อนหน้า

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อนในทุกหมวด โดยหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ลดลง สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ขณะที่หมวดก่อสร้างปรับลดลงจากทั้งยอดขายวัสดุก่อสร้างและพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง

ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในหลายหมวด โดยเฉพาะน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นตามการกลับมาผลิตปิโตรเลียมหลังการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน และสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าโทรศัพท์มือถือและรถยนต์ไฟฟ้า

ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนทรงตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จ บำนาญ และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางหดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อนเป็นสำคัญ สำหรับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวตามการเบิกจ่ายโครงการลงทุนด้านพลังงานและสาธารณูปโภค

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากผลของฐานต่ำในปีก่อนทั้งในหมวดอาหารสดและหมวดพลังงาน รวมทั้งราคาผักที่เพิ่มขึ้นตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาดน้อย ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน ด้านตลาดแรงงานโดยรวมทยอยฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้ประกอบอาชีพอิสระที่เป็นบวกต่อเนื่อง

“อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยอยู่ที่ 5.98% โดยมาจากการเพิ่มขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.23% ใกล้เคียงกับเดือนก่อน อย่างไรก็ตามธปท. คาดว่าจะเห็นเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในระดับทรงตัวต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะกลับสู่กรอบเป้าหมายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 66”

สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลจากดุลการค้าที่เกินดุลเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ประกอบกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่กลับมาเกินดุลเล็กน้อยตามรายรับภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. เฉลี่ยแข็งค่าขึ้นตามการเปิดประเทศของจีนที่เร็วกว่าตลาดคาด ส่งผลให้ตลาดมีมุมมองที่ดีต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย รวมทั้งตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราที่ชะลอลง

“ค่าเงินบาทในเดือนธ.ค. เฉลี่ยแข็งค่าขึ้นป็นไปตามกลไกตลาด โดยมีสาเหตุมาจากทั้งปัจจัยภายนอกและพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลต่อภาคการส่งออกไม่มากส่วนที่ส่งผลกับส่งออกมากกว่าคือเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอลง”

ส่วนในปี 66 เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามภาคการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอลง โดยจะมีการประเมิณตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 29 มี.ค.นี้ จากเดิมที่คาดว่าโต 3.7%

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img