วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“สุพัฒนพงษ์”สั่งเร่งแก้“หนี้ครัวเรือน” ยัน“ต้นทุน”เอกชนไทยแข่งอาเซียนได้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สุพัฒนพงษ์”สั่งเร่งแก้“หนี้ครัวเรือน” ยัน“ต้นทุน”เอกชนไทยแข่งอาเซียนได้

“สุพัฒนพงษ์” ยันศักยภาพการแข่งขันผู้ประกอบการสู้คู่แข่งในอาเซียนได้ วอนเอกชนดูภาพรวมของต้นทุน ยันดอกเบี้ยไทยเทียบต่างประเทศไม่ได้สูงเกินไป เร่งแก้ปัญหาหนี้ให้ครัวเรือน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันต้นทุนการทำธุรกิจโดยรวมของประเทศไทยในภาพรวม ถือว่าไม่ได้สูงกว่าคู่แข่งและแข่งขันได้ แม้เอกชนจะมีมุมมองว่า ต้นทุนการทำธุรกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะค่าไฟฟ้านั้น สูงกว่าประเทศอื่นๆ เฉพาะประเทศที่เป็นคู่แข่งในอาเซียน เช่น เวียดนาม และอินโดนิเซีย แต่ในเรื่องนี้ขอให้ภาคเอกชนไทยมองในภาพรวมของต้นทุนทั้งหมด เช่น ให้ดูเรื่องของอัตราดอกเบี้ยด้วย ซึ่งเมื่อรวมแล้วไม่ได้สูงกว่าประเทศอื่นๆ

“หากจะมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยที่อยู่ที่ 1.5% สูงเกินไป ก็ต้องไปดูประเทศคู่แข่ง เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ว่าอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ ทุกวันนี้เอกชนชอบเทียบค่าไฟ แต่ไม่เทียบอัตราดอกเบี้ย ซึ่งต้องดูต้นทุนการทำธุรกิจจริงๆ ทั้งหมด แล้วมาเปรียบเทียบกัน เพราะส่วนที่ภาครัฐดูแล ก็ทำไปหมดแล้ว ที่เหลือรัฐจะเชิญเอกชนร่วมหารือด้วยกัน จะไม่ขอ ไม่บ่น ขอให้ช่วยทำ”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับที่ 4.50-4.75% และเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด ส่วนของประเทศไทยนั้น ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ประมาณ 2% ซึ่งถือว่าเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมๆ ไม่เป็นภาระกับผู้ประกอบการมากเดินไป โดยในเรื่องของดอกเบี้ย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ดูความเหมาะสม แต่เมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ก็ต้องมาดูว่าเพราะดอลลาร์อ่อนหรือเปล่า อย่าไปมองแค่ประเทศไทยประเทศเดียว ต้องมองภาพรวม หากค่าเงินแข็งกันทั่วโลก แสดงว่าดอลลาร์อ่อน เพราะเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยเหมือนที่ผ่านมา ดอกเบี้ยสหรัฐฯไม่สูง ทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจให้คนนำเงินไปฝาก ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน

“อะไรที่เราได้เปรียบ ไม่พูดกัน แต่ไปพูดแต่เรื่องไม่ดี เพราะบ้านเรามีลักษณะที่แตกต่างจากบ้านอื่น แต่ไทยมีความเข้มแข็งกว่าประเทศอื่น เพราะสองปะเทศข้างต้น มีต้นทุกที่สูงกว่าบ้านเรา เรื่องดอกเบี้ยต้องไปดูความสามารถในการแข่งขันด้วย เพราะหลายประเทศปรับขึ้นดอกเบี้ยไปนานแล้ว โดยเวียดนามขึ้นไปกว่า 4% ขณะที่ของไทยดอกเบี้ยขึ้นไปเกือบ 2% แม้หลายคนจะมองว่า เงินบาทไหลออก แต่ไม่ได้ไหลออก แต่กลับแข็งค่าด้วยซ้ำไป เพราะเศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้น การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อด้วยว่า ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจไทยในภาพรวมไม่น่าห่วง เพราะภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ปัญหาใหญ่คือต้องเข้าไปดูแลคนมที่หนี้ มีปัญหา มีหนี้ที่ยังค้างอยู่ และมีหนี้ครัวเรือนที่เป็นผลมาจากปัญหาอยู่โควิด-19 ต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลพยายามดูแลในส่วนนี้อยู่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img