“พาณิชย์” เปิดตัวเลขเดือนม.ค. ต่างชาติลงทุนไทย 5,129 ล้านบาท ญี่ปุ่นครองแชมป์อันดับ 1 ถึง 3,588 ล้านบาท คาดทั้งปีเม็ดเงินต่างชาติสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว รายงานให้ทราบว่า เดือนม.ค.ที่ผ่านมามีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 52 ราย
โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 22 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 30 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 298 คน
สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 14 ราย (ร้อยละ 27) เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 410 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 6 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 9 ล้านบาท สหราชอาณาจักร 5 ราย (ร้อยละ 10) เงินลงทุน 98 ล้านบาท และ จีน 3 ราย (ร้อยละ 6) เงินลงทุน 548 ล้านบาท
รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ การสร้างแบบจำลองแบบ 3 มิติ และการทำงานของแดมเปอร์เฉพาะทางบนคอมพิวเตอร์ องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบการให้บริการรายการโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet Protocol Television : IPTV) เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาตในเดือนม.ค. ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิ บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ปรับปรุง พัฒนา ทดลองระบบ เชื่อมระบบ และการเปิดใช้งาน ตลอดจนการบริหารจัดการ สำหรับโครงการรถไฟฟ้า บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย บริการขยายระบบ ทดสอบ บำรุงรักษา และให้คำแนะนำทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเกี่ยวกับระบบการจัดการสิทธิดิจิทัลบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การบริการออกแบบทางวิศวกรรมและเทคนิค การติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติสำหรับกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม บริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัยบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัลซึ่งเป็นการพัฒนาปรับปรุงแพลตฟอร์ม
การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนม.ค. มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุน 683 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ของเงินลงทุนทั้งหมด
ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 5 ราย ลงทุน 632 ล้านบาท จีน 2 ราย ลงทุน 48 ล้านบาท และสหราชอาณาจักร 1 ราย ลงทุน 3 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 1) บริการทางวิศวกรรมด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจวิศวกรรมยานยนต์ 2) บริการเคลือบผิว (Surface Treatment) และ 3) บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะและชิ้นส่วนพลาสติก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลอดปี 2566 จะมีนักลงทุนชาวต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านการท่องเที่ยว และการลงทุนเพื่อขยายตลาด การปรับโครงสร้างการผลิตในประเทศต่างๆ ที่มีการขยายฐานการผลิตของธุรกิจต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย
โดยเฉพาะธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจเกษตร อาหาร ชีวภาพ ธุรกิจท่องเที่ยว สุขภาพ และธุรกิจดิจิทัลต่างๆ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง