“ทิพานัน”ชูวิสัยทัศน์ “พล.อ.ประยุทธ์”มาตรการส่งเสริมการลงทุนรถEV ครบวงจรมีประสิทธิภาพ ดึงเงินลงทุนเข้าประเทศแล้วกว่า 1.1 แสนล้าน หารายได้เข้าประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ได้เร่งขับเคลื่อนส่งเสริมผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมทั้งชิ้นส่วน อุปกรณ์ สถานีอัดประจุไฟฟ้าและสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างครบวงจร ตามนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก และได้กำหนดเป้าหมายที่ท้าทาย 30@30 ว่าภายในปี ค.ศ.2030 หรือปี พ.ศ.2573 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30%ของการผลิตรถยนต์ในประเทศ
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุด บีโอไอได้ให้การส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสำคัญ และสถานีชาร์จ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 114,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1.การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) รวม 26 โครงการ จาก 17 บริษัท เงินลงทุน 86,800 ล้านบาท จากค่ายรถยนต์จากจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และยุโรป
2.การผลิตชิ้นส่วนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า แบ่งเป็นผลิตแบตเตอรี่สำหรับ EV 20 โครงการ จาก 13 บริษัท เงินลงทุน 9,400 ล้านบาท การผลิตแบตเตอรี่ความจุสูง EV และ Energy Storage 8 โครงการ จาก 8 บริษัท เงินลงทุน 9,300 ล้านบาท และการผลิตชิ้นส่วนรถไฟฟ้า 16 โครงการ จาก 14 บริษัท เงินลงทุน 5,120 ล้านบาท
3.กิจการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า มี 7 โครงการ จาก 7 บริษัท เงินลงทุน 4,200 ล้านบาท รวมทั้งโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับ EV อีกหลายโครงการ
“สะท้อนถึงประสิทธิภาพของมาตรการที่สามารถดึงดูดความสนใจเพิ่มการลงทุน สร้างงานและต่อยอดไปสู่การถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาฝีมือแรงงาน กระจายรายได้และความเจริญไปสู่ชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง เป็นวิสัยทัศน์ในการหารายได้เข้าประเทศที่เป็นรูปธรรม ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน”น.ส.ทิพานัน กล่าว