“ปรีดียาธร-สมหมาย” ประสานเสียงเห็นด้วยการทำ “งบฐานศูนย์” ของพรรคก้าวไกล ชี้เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย ระบุการทำงบประมาณแบบปัจจุบันที่ตั้งงบไว้สูงแต่ใช้จ่ายน้อย เหตุมีค่าคอร์รัปชันบวกอยู่ 20-30%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีแผนจัดทำงบฐานศูนย์(Zero-Based Budgeting) ว่า มีความเหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งหากไม่ทันปีนี้ก็อาจทำในปี 68 ส่วนเรื่องงบปีนี้ ไม่น่าจะล่าช้าอะไร คาดว่าได้รัฐบาลใหม่ตามช่วงเวลาที่ประกาศประมาณเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ ไม่น่ามีผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ
ด้านนายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.คลัง กล่วว่า การทำงบประมาณแบบฐานศูนย์ (Zero-Based Budgeting) ควรนำมาใช้นานแล้ว เพราะเป็นการจัดทำงบฯ โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้งบประมาณ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น เพราะปกติการตั้งงบประมาณจะมีการใช้จ่ายจริงน้อยกว่างบประมาณที่ตั้งไว้มาก ซึ่งมีค่าคอร์รัปชันบวกอยู่ 20-30% ถ้าใช้ Zero Based พวกนี้ต้องถูกตัดออก ซึ่งดีกับประเทศ ทั้งนี้มีข้อเสียคือ งบบางอย่างที่ทำให้เกิดการจ้างงาน จะถูกตัดออกไป
“การทำงบแบบเก่าจึงเหมือนย่ำอยู่กับที่ ขอแค่ได้งบเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% ก็ดีแล้ว ซึ่งเป็นจุดร้ายของทำงบประมาณไทย ที่พรรคก้าวไกลมองเห็น ซึ่งตนก็มองเห็น เดินรอยเก่ามันไม่มีประสิทธิภาพแล้ว แต่สิ่งสำคัญประหยัดงบ และแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้ เป็นผลดีต่อประเทศในระยะยาว”
ทั้งนี้มองว่าการจัดทำงบแบบใหม่ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพราะเป็นการรื้อโครงสร้างใหม่ทั้งหมด แนะนำว่า ส่วนไหนทำได้ก่อน ก็ทยอยทำไป แต่จะสามารถทำสำเร็จได้ปีไหน ไม่สามารถระบุได้ เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ถือเป็นประเด็นที่น่ากังวล
การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ที่ล่าช้าออกจะส่งผลกกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก เนื่องจากให้ส่วนราชการใช้วงเงินตามกรอบงบประมาณปี 2566 ไปก่อน โดยเฉพาะในส่วนของงบประจำ เช่น รายจ่ายที่จ่ายในลักษณะค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ และค่าสาธารณูปโภค
ทั้งนี้เห็นว่าการตั้งรัฐบาลล่าช้า ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไป ซึ่งกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป เพราะไม่รู้ว่าใครจะได้มาเป็นรัฐบาล นโยบายจะเป็นอย่างไร