วันอาทิตย์, พฤษภาคม 11, 2025
หน้าแรกNEWSครม.ส่งต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้รัฐบาลใหม่จัดการต่อ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ครม.ส่งต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้รัฐบาลใหม่จัดการต่อ

“ครม.ลุงตู่” รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และส่งให้ “รัฐบาลใหม่” จัดการต่อ เลขาฯครม.เผย ‘กทม.’ ชง ‘พีพีพี’ ของบฯรัฐจ่ายหนี้ 7.8 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 5 ก.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งสรุปได้ว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในสมัยที่พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ยืนยันว่า ดำเนินการครบถ้วนและถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ มติครม. และหลักธรรมาภิบาลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินการโครงการฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 ลงวันที่ 11 เม.ย.2562 เรื่อง การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

นายอนุชา กล่าวอีกว่า ต่อมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน มีแนวทางดำเนินโครงการฯ ดังนี้

1) กทม.เห็นพ้องด้วยกับนโยบายการลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน และทำให้การบริการสาธารณะเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน จึงเห็นควรสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและงานติดตั้งระบบการเดินรถ ของโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ในกำกับดูแลของ กทม. เพื่อให้ค่าโดยสารอยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) ที่เป็นส่วนต่อขยายพื้นที่ให้บริการนอกเขต กทม. และยังมีผู้โดยสารไม่มาก 

2) กทม.เห็นควรที่จะดำเนินการโครงการฯ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนมีความรอบคอบ มีการพิจารณาข้อมูลรอบด้านและตรวจสอบได้ 

3)จากกรณีที่คณะกรรมการ ดำเนินการโครงการฯ ตามคำสั่งหัวหน้าคสช. ได้เจรจากับบริษัทเอกชนไว้ว่าบริษัทฯจะรับภาระส่วนต่างค่าเดินรถที่ค้างจ่ายอยู่ทั้งหมด กทม. จึงได้หยุดชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงมาตั้งแต่เดือน พ.ค.2562 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกว่า 4 ปี ก่อให้เกิดภาระต่อเอกชนผู้ให้บริการ รวมถึงมีภาระดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นกับ กทม.ในอนาคต การหาข้อยุติตามการดำเนินการในเรื่องนี้ของ ครม. จะช่วยสร้างความชัดเจนในการดำเนินการและประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย

นายอนุชา กล่าวว่า กทม.เห็นควรให้มีการนำเสนอครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ สำหรับการดำเนินโครงการฯ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณ สำหรับค่าก่อสร้างและดอกเบี้ยในอนาคตทั้งหมด โดยปัจจุบัน กทม. มีภาระหนี้จากงานโครงสร้างพื้นฐานและงานซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ รวมทั้งสิ้น 78,830.86 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 13 มี.ค.2566) ขณะที่ สำนักงบประมาณเห็นว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกทม. ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำข้อมูลประมาณการวงเงินภาระหนี้สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดจนจบสัญญาสัมปทาน (ปี 2572) เปรียบเทียบกับประมาณการ รายได้หรือสถานะทางการเงินของ กทม. และจัดทำข้อเสนอแผนการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นรายปี  เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของ ครม. ในโอกาสแรก

ด้านนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ตามมติครม.เดิมได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยโดยกทม. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมกลับไปทำรายละเอียดให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นต่างๆ ที่กระทรวงคมนาคมมีข้อสงสัย ซึ่งกทม.สรุปข้อมูลต่างๆส่งให้ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่พิจารณาก่อนแจ้งกลับมายังกระทรวงมหาดไทย และนำมาเสนอครม.ในวันนี้ (5 ก.ค.) ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ครม.ได้หารือเรื่องนี้มากกว่า 7 ครั้ง และกระทรวงคมนาคมมีความเห็นกลับไปว่า ไม่เห็นด้วย ซึ่งในการประชุมครม.ครั้งก่อน นอกจากจะให้กระทรวงมหาดไทย โดยกทม. ชี้แจงข้อสงสัยทั้งหมดแล้ว ยังขอให้แจ้งสถานะโครงการล่าสุดมายังครม.รับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขต่างๆมาให้ชัดเจนด้วย ซึ่งกทม.ได้แจ้งกลับมาว่า ปัจจุบัน โครงการถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมดชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ กทม.มีภาระหนี้ ณ เดือน มี.ค.2566 รวมทั้งสิ้น 78,830.86 ล้านบาท ซึ่งในวงเงินนี้แบ่งเป็นรายการต่างๆ ที่จะต้องของบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล

“กทม.ได้มารายงานข้อมูลต่างๆ ของโครงการให้ครม.รับทราบว่าเหตุการณ์เรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวกำลังเดินอยู่อย่างนี้ เพื่อให้ครม.รับทราบเฉยๆ แต่ไม่ได้อนุมัติอะไร และคงต้องเสนอให้รัฐบาลหน้าพิจารณาต่อไป”นางณัฐฏ์จารี กล่าว

นางณัฐฏ์จารี กล่าวอีกว่า ข้อมูลล่าสุดภาระหนี้ของโครงการฯที่กระทรวงมหาดไทยแจ้งครม.ครั้งนี้ อาจยังไม่รวมเรื่องการเดินรถ เพราะอาจมีวงเงินสูงกว่านี้ แต่ในเอกสารที่เสนอมาในครม.ยังไม่ได้มีรายละเอียดของเรื่องดังกล่าว มีเพียงวงเงินที่เสนอมาเป็นภาระหนี้ 78,830.86  ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมครม.วันนี้ ไม่ได้มีความเห็นอะไรเพิ่มเติม แต่รับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งกทม.ได้รายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุม พร้อมทั้งได้ชี้แจงข้อมูลอื่น ๆ นอกเหนือจากเอกสาร เช่น การของบประมาณจากสภากทม. รวมทั้งยังรายงานเรื่องของสัมปทานเบื้องต้นว่า กทม.อยากให้ใช้การดำเนินการตามรูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) แทน เพราะมีความเหมาะสมกว่า

รายงานข่าวจากที่ประชุมครม. แจ้งว่า การรายงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อครม.ครั้งนี้ เป็นการรายงานแนวทางการดำเนินงานตามข้อเสนอของกทม. โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้รับทราบแนวทางการดำเนินการดังกล่าวแล้ว โดยในส่วนของการขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการนั้น จะรวมการสนับสนุนงบประมาณค่าก่อสร้างและดอกเบี้ยในอนาคตทั้งหมด  ปัจจุบัน กทม. มีภาระหนี้จากงานโครงสร้างพื้นฐานและงานซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ รวมทั้งสิ้น 78,830 ล้านบาท แยกเป็นค่างานโครงสร้างพื้นฐาน และค่าจัดกรรมสิทธิ์ 55,000 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม สำหรับเงินกู้โครงสร้างพื้นฐานที่ กทม. ได้จ่ายให้กระทรวงการคลังตั้งแต่ปี 2562-2564 จำนวน 1,508 ล้านบาท และค่าจ้างงานซื้อขาย พร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ 22,000 ล้านบาท

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img