วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSตลาดยานยนต์อินเดียโต 10% กลางปี 66 โอกาสผู้ส่งออกไทยใช้ประโยชน์ FTA
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ตลาดยานยนต์อินเดียโต 10% กลางปี 66 โอกาสผู้ส่งออกไทยใช้ประโยชน์ FTA

“พาณิชย์” เผยตลาดยานยนต์อินเดียโต 10% กลางปี 66 แนะเป็นโอกาสทองผู้ส่งออกไทยใช้ประโยชน์ FTAและปรับตัวสร้างจุดเด่นของสินค้า

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.66 นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการติดตามสถานการณ์การค้าในต่างประเทศตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาโดยต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวกัญญาวัลย์ สืบสิงห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน ถึงสถานการณ์ตลาดยานยนต์และอินเดียในช่วงที่ผ่านมา

โดยระบุว่า มูลค่าจําหน่ายยานยนต์ของอินเดียเดือนมิถุนายน 2566 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นำโดยรถสามล้อ (ร้อยละ 75) รถแทรกเตอร์ (ร้อยละ 41) รถจักรยานยนต์ (ร้อยละ 7) รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ร้อยละ 5) และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (ร้อยละ 0.5) ตามลำดับ ทั้งนี้ อินเดียไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ จึงยังคงต้องนําเข้าจากต่างประเทศ

โดยปี 2565 อินเดียได้นําเข้าชิ้นส่วนยานยนต์มูลค่ากว่า 5.39 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.98 และระหว่างเดือน ม.ค.-พ.ค. ปี 2566 ได้นำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19.93 โดยนําเข้าสูงสุด 10 อันดับแรกจากจีน เกาหลีใต้ เยอรมัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ไทย สิงคโปร์ เช็ก อิตาลี และสวีเดน ตามลำดับ ทั้งนี้องค์การสหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่าประชากรของอินเดียจะแซงหน้าจีนและกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกภายในปี 2023 นี้ ส่วนทางด้าน IMF คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ GDP ของอินเดียจะอยู่ที่ 6.1% ในปี 2023 และ 6.8% ในปี 2024


 

“ตลาดยานยนต์อินเดียเติบโตและไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่อินเดียนําเข้าชิ้นยานยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีภายใต้ FTA ไทย-อินเดียและ FTA อาเซียน-อินเดีย ดังนั้น ผู้ส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยควรสร้างจุดเด่นให้กับสินค้าและบริการของตน ตอบสนองความต้องการของตลาด โดยอาจหารือร่วมกับผู้นำเข้า เพื่อขยายส่วนแบ่งให้เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดอินเดียในอนาคต สร้างโอกาสในการทำเงินเข้าประเทศต่อไป” นายบุณย์ธีร์ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img