นายกฯหวังเปิดทางการค้าชายแดนไทยจีน-หนองคาย มอบ ‘สุริยะ’ ลุยพัฒนารถไฟ คาดจะได้กลับมาจ.หนองคายอีกครั้ง ในช่วงปลายเดือนหน้า
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 9 ก.ย. ที่จ.หนองคาย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และคณะ เดินทางมาถึงด่านพรมแดนหนองคาย โดยมีนายเอกธนัช อินทร์รอด น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย และนายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ อดีตสส.หนองคาย มารอให้การต้อนรับ โดยนายกฯได้ พูดคุยกับหน่อยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า เกี่ยวกับขั้นตอนพิธีการศุลกากร การค้าชายแดน และการพัฒนา One Stop Service ระหว่างไทย ลาว และจีน
นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้มาจ.หนองคาย ซึ่งเป็นจังหวัดแรกๆ ที่มาหลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ โดยจะเป็นการมารับฟังปัญหาเพื่อประกอบการทำงาน หากมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อย แล้วตนจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ จ.หนองคายเป็นจังหวัดเล็ก แต่สร้างรายได้สูง เป็นอันดับที่ 4 ของภาคอีสาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญมาก ตนได้มีการพูดคุยกับปลัดกระทรวงคมนาคม เรื่องการเชื่อมต่อเส้นทางไปถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐประชาชนจีน เรามีสินค้าที่มาจากหลายจังหวัด รวมถึงท่าเรือแหลมฉบังด้วย ต้องการให้จ.หนองคายเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า และต้องแก้ไขเรื่องสะพานที่จะรับน้ำหนักสินค้า ส่วนเรื่องวันสต็อปเซอร์วิสเป็นเรื่องที่เราต้องการให้มีความง่ายในการส่งสินค้าไปยังประเทศจีน

จากนั้น นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า นั่งรถไฟมาจ.หนองคายเพื่อดูเรื่องจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า เนื่องจากจ.หนองคายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด มีการส่งสินค้าจากไทยไปยังลาวและจีน เรื่องรถไฟรางคู่ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้านั้นต้องมีการยกระดับสะพานที่จะรองรับน้ำหนักสินค้าให้มากขึ้น
เมื่อถามถึงการพัฒนาสถานีรถไฟนาทา จะแล้วเสร็จในกี่ปี นายเศรษฐา กล่าวว่า คงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ตอนนี้ต้องมีการนับหนึ่งก่อน เมื่อกลับไปกรุงเทพฯ จะมีการประชุมกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ซึ่งจะประสานงานการตั้งคณะทำงานขึ้นมา ต้องมีคณะกรรมการการเจรจาการค้าระหว่างประเทศด้วย เพื่อไม่ให้มีอุปสรรคในการทำงาน และอาจจะต้องเชิญ รมว.การต่างประเทศร่วมด้วย และในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทั้งขอนแก่น และอุดรธานี เป็นจังหวัดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงในการที่จะพัฒนาต่อไปได้ จ.อุดรธานี มีแนวคิดที่จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา
เมื่อถามถึงรถไฟรางคู่เฟส 2 จากจ. ขอนแก่นมา และจ.หนองคาย ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือสามารถเดินหน้าระยะที่ 1 ต่อได้เลย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเข้าครม. ครั้งเดียวก็จบแล้ว มีเรื่องและงบประมาณที่กันไว้เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะได้กลับมาจ.หนองคายอีกครั้ง ในช่วงปลายเดือนหน้าเข้ามารับฟังความคืบหน้าเรื่องนี้
เมื่อถามว่า มองว่าการบริหารงบประมาณของรัฐบาลยุ่งยากหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องงบประมาณไม่อยากใช้คำว่ายุ่งยาก ต้องบริหารจัดการกัน เป็นหน้าที่ของรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรม ต้องจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม ต้องช่วยกันบริหารจัดการให้งบประมาณอยู่ในกรอบ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาทางด้านการเงินและการคลังอีก

เมื่อถามถึงการจัดงานมหกรรมพืชผลโลกที่มีการของบประมาณเพิ่มเป็นเท่าตัว และระยะเวลาก่อนเริ่มงานเหลืออีก 3 ปี จะเพิ่มงบให้หรือไม่และจะบริหารจัดการอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แปลกใจ เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) เป็นการมารับฟังความคืบหน้า เหลือเวลาอีก 3 ปีก็ต้องดูให้ดี หากสร้างไม่ทันก็จะเป็นปัญหา ต้องกลับไปช่วยกันดูให้เหมาะสม ลดค่าใช้จ่ายทำให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่สามารถทำได้ หากเพิ่มมานิดหน่อยก็น่าจะสามารถพิจารณาได้ แต่สำคัญที่สุดคือจุดเริ่มต้น ที่ต้องเริ่มแล้วไม่เช่นนั้นไม่ทันจะเสียหน้า หวังว่าอบจ.จะเข้าใจ และบางนโยบายเป็นเรื่องยาก ตนจึงอยากลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเพื่อมารับฟังปัญหา ซึ่งหลายเรื่องยังไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด ซึ่งกลับไปกรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.) จะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจะเร่งบริหารจัดการต่อไป นอกจากเรื่องปากท้องแล้ว ปัญหายาเสพติดก็เป็นปัญหาสำคัญของภาคอีสานเช่นกันที่ไม่อยากให้ รัฐบาลเราต้องดูทุกเรื่อง.