แบงก์กรุงไทยเปิดจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี ชูดอกเบี้ย 3.45%ต่อปีผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ตั้งแต่ 30 ต.ค.-1 พ.ย.นี้
รายงานข่าวจากธนาคารกรุงไทยแจ้งว่า ได้เสนอขาย หุ้นกู้ดิจิทัลของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.45% ต่อปี วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท ผ่านบริการซื้อขายหุ้นกู้ บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ระหว่างวันที่ 30 ต.ค.-1 พ.ย. 66
โดยเปิดจองซื้อพร้อมกันตั้งแต่เวลา 08.30 น. วันที่ 30 ต.ค. จนเต็มจำนวนที่เสนอขาย กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อราย จัดสรรในรูปแบบจองซื้อก่อนมีสิทธิก่อน
สำหรับหุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและการผสานประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถเตรียมความพร้อมในการจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก ล่วงหน้าด้วยการดำเนินการ 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
1. ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฯ เป๋าตัง
2. สมัครบริการวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ บนแอปฯ เป๋าตัง
3. ประเมินความเสี่ยงการลงทุน
4. ผูกบัญชีเงินฝากและโอนเงินเข้าบัญชีสำหรับการซื้อหุ้นกู้
นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนในการจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก ธนาคารกรุงไทยได้ปรับเพิ่มวงเงิน Krungthai NEXT ชั่วคราว โดยผู้ลงทุนสามารถโอน หรือเติมเงินวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ได้สูงสุด 10 ล้านบาทต่อวัน
อย่างไรก็ตาม การซื้อหุ้นกู้ผ่านช่องทางดิจิทัล ทำให้ผู้ลงทุนเข้าถึงการลงทุนแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ลงทุนง่าย สะดวก รวดเร็ว และซื้อขายได้ตลอด ผู้ลงทุนจะได้รับหุ้นกู้ทันทีที่ซื้อและได้รับเงินทันทีที่ขาย โดยระบบจะแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย ครบจบในที่เดียว นับเป็นการตอบโจทย์การออมและการลงทุนในยุคดิจิทัล
สำหรับบางจากฯ เป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญ กับพัฒนานวัตกรรมธุรกิจไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคมเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ ปัจจุบันดำเนินธุรกิจครอบคลุม 5 ธุรกิจ ได้แก่
1. กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ด้วยกำลังการผลิตรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน (โรงกลั่นน้ำมันแบบ Complex Refinery มาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง: โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา) ขยายสู่ธุรกิจการค้าน้ำมันผ่านบริษัทบีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT)
ธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิง ผ่านบริษัทกรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) รวมถึงลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ผ่านบริษัทบีเอสจีเอฟ (BSGF) และบริษัท รีไฟเนอร์รี่ ออฟติไมซ์เซชั่น แอนด์ ซินเนอร์ยี่ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (ROSE) เพื่อบริหารงานธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 2 แห่งของบางจากฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2. กลุ่มธุรกิจการตลาด ส่งมอบ Greenovative Experience ผ่านเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ non-oil เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio และ EV Charger รวมทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรด้านอาหารหลากหลาย
3. กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานของผู้บริโภคและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย บมจ. บีซีพีจี ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
4. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศและขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
5. กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ที่เป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และมีกลุ่มธุรกิจขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ๆ (New Frontier Businesses) อาทิ ธุรกิจแพลตฟอร์มให้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Winnonie
นอกจากนี้ มีสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เป็นผู้ลงทุน Corporate Venture Capital เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศน์สำหรับนวัตกรรมสีเขียว ส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ชีวภาพ