“ภูมิธรรม”เบรกขึ้นราคาน้ำตาลทราย หวั่นกระทบค่าครองชีพประชาชน ชงครม.พรุ่งนี้ (31 ต.ค.) ออกประกาศเป็นสินค้าควบคุม ขู่ฝ่าฝืนแอบขึ้นราคาเจอโทษหนัก ทั้งจำทั้งปรับ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกำหนดให้สินค้าน้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุมตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยจะเสนอครม.พิจารณอนุมัติในวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) และจะลงประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อบังคับใช้ทันที
โดยที่มาตรการกำกับดูแลราน้ำตาล โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
1.ประกาศควบคุมราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานดังนี้
- น้ำตาลทรายขาว กก.ละ 19 บาท
- น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กก.ละ 20 บาท
ส่วนราคาจำหน่ายปลีกในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
- น้ำตาลทรายขาว กก.ละ 24 บาท
- น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กก.ละ 25 บาท
ซึ่งเท่ากับว่า น้ำตาลทรายจะยังคงจำหน่ายในราคาเดิม ไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล จะมีการกำหนดราคาตามระยะทางและต้นทุนการขนส่งต่อไป
2.ออกมาตรการควบคุมการส่งออกน้ำตาลทรายไปยังต่างประเทศ หากส่งออกตั้ง 1 ตัน เป็นต้นไป จะต้องขออนุญาติอนุกรรมการที่จัดตั้งขึ้นก่อน ซึ่งมอบให้เลขาสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เป็นประธานอนุกรรมการฯ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการกำกับดูแลต่อไป เพื่อให้น้ำตาลทรายมีเพียงพอใช้ในประเทศ และไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำตาลทรายของไทย
” การปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย กก.ละ 4 บาทจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่น้ำตาลทราย ทั้งระบบ ตั้งแต่ประชาชน และผู้บริโภค รวมถึงอาจมีการปรับขึ้นราคาสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบ เช่น น้ำอัดลม ยารักษาโรค และอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องเรียกผู้เกี่ยวข้องมาประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหาด่วน”
สำหรับการนำน้ำตาลทรายกลับมาเป็นสินค้าควบคุม เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้ เพราะกระทรวงพาณิชย์มีความห่วงใยประชาชนจะได้รับผลกระทบ จึงต้องเข้ามากำกับดูแล โดยราคาจะยึดที่ กกร.ประกาศ
ส่วนการดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อยนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ตามเดิม โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้เข้าไปดูแล และรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขณะที่ผู้ประกอบการ หรือร้านค้า ขอให้จำหน่ายสินค้าในราคาเดิม เพราะน้ำตาลทรายไม่มีการปรับขึ้นราคาแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมีการขายเกินราคาควบคุมมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีกักตุน จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยประชาชนหากพบเห็นหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ร้องเรียนสายด่วน 1569 จะเข้าไปตรวจสอบทันที